
นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง [TEKA] กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 68 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากทิศทางงานใหม่ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับเพิ่มเติมอีก 1-2 โครงการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ในระยะถัดไป และการรับรู้รายได้จากงานในมือต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นมิ.ย. 68 บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ระดับแข็งแกร่งประมาณ 2.67 พันล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการใหม่อย่าง SKV51 ที่ได้เริ่มดำเนินงานแล้วเรียบร้อย
บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่อีกกว่า 20 โครงการ และตั้งเป้าหมายรักษา Backlog ให้อยู่ในกรอบ 2.5-3 พันล้านบาท อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรากฐานรายได้ให้เติบโตตามแผนในระยะยาว พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำงานก่อสร้างอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ ด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าชั้นนำระดับประเทศ
ด้านสภาพคล่อง บริษัทมีกระแสเงินสดในมือราว 700 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สะท้อนการเป็นผู้รับเหมาที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และศักยภาพในการบริหารต้นทุน แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น TEKA สามารถบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามเป้าหมาย
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2/68 รายได้จากการก่อสร้างอยู่ที่ 347.78 ล้านบาท ลดลง 19.55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.28 ล้านบาท แม้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการใหม่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการรับรู้รายได้
ด้านผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากการก่อสร้าง 669.21 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการส่งมอบงานแล้วเสร็จ 100% จำนวน 2 โครงการให้กับเจ้าของโครงการตามสัญญาว่าจ้างเป็นที่เรียบร้อย ทำให้โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินการยังไม่สามารถรับรู้รายได้เต็มที่ ขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง สนับสนุนกำไรสุทธิอยู่ที่จำนวน 24.26 ล้านบาท
“TEKA เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกเราเริ่มเจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงเรียน และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ นอกเหนือจากฐานลูกค้าหลักที่ยังคงเหนียวแน่น แม้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะมีการชะลอตัวในบางช่วง ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง แต่เรามองว่าเป็นปัจจัยระยะสั้น การท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ และการเข้าสู่ลูกค้าในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ต่าง ๆ จะเป็นโอกาสการเติบโตใหม่ของเราเพื่อเตรียมความพร้อมรับการเติบโตระยะต่อไป” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ล่าสุด TEKA ได้เปิดรับสมัครวิศวกรรุ่นใหม่เข้าร่วมทีม เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงาน สอดรับกับเป้าหมายการเติบโตในครึ่งปีหลังและระยะยาว สะท้อนภาพบริษัทรับเหมาที่มีสถานะทางการเงินมั่นคงพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)