PTT กำไร Q2/68 ลดฮวบเกือบ 40% EBITDA ดิ่ง 31.7% เจอพิษสต๊อกน้ำมัน-สเปรดปิโตรวูบ

บมจ.ปตท. [PTT] เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/68 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 78,793 ล้านบาท ลดลง 36,541 ล้านบาท หรือ 31.7% จากไตรมาส 2/67 ที่มีจำนวน 115,334 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจดังต่อไปนี้

กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผลการดำเนินงานลดลงจากราคาขายและปริมาณขายเฉลี่ยลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลง โดยธุรกิจการกลั่น ผลการดำเนินงานลดลงเนื่องจากไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิและมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ โดยในไตรมาส 2/68 ขาดทุนประมาณ 7,200 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2/67 กำไรประมาณ 2,800 ล้านบาท แม้ว่ากำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) และปริมาณขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี ผลการดำเนินงานลดลงจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ที่ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีกำไรต่อหน่วยลดลงจากส่วนต่างราคาซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจจัดหาและค้ำประกันก๊าซฯ กำไรขั้นต้นลดลงจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ปรับลดลงน้อยกว่าราคาขายเฉลี่ยให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2/67 มีผลกระทบจากการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการคำนวณราคาก๊าซฯ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67

ไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิ 21,533 ล้านบาท ลดลง 13,936 ล้านบาท หรือ 39.3% จากใน ไตรมาส 2/67 ที่มีจำนวน 35,469 ล้านบาท เป็นผลจาก EBITDA ที่ลดลง ประกอบกับในไตรมาส 2/68 ยังมีการรับรู้รายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 4,200 ล้านบาท โดยหลักมาจาก บมจ.ไทยออยล์ [TOP] ซึ่งมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมจากการซื้อกิจการในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของการเข้าซื้อและควบรวมโรงกลั่นน้ำมันของกลุ่มเชลล์ในสิงคโปร์ ขณะที่ในไตรมาส2/67 มีกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาท โดยหลักมาจาก: กำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) กำไรจากการซื้อคืนหนี้ของบมทจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล [PTTGC] และ TOP

ไตรมาส 2/68 EBITDA จำนวน 78,793 ล้านบาท ลดลง 14,734 ล้านบาท หรือ 15.8% จากใน ไตรมาส 1/68 ที่มีจำนวน 93,527 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจดังต่อไปนี้ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยธุรกิจการกลั่น ผลการดำเนินงานลดลงเนื่องจากมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิและมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ โดยในไตรมาส 2/68 ปตท.และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนประมาณ 7,200 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/68 มีกำไรประมาณ 1,500 ล้านบาท แม้ว่ากำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) และปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น

ธุรกิจปิโตรเคมี มีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักมาจากกลุ่มโอเลฟินส์ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ มีผลการดำเนินงานปรับลดลงจากการรับรู้ขาดทุนจากการ Mark-to-market ของสินค้าระหว่างการขนส่ง และส่วนต่างของราคาซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก มีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกัน โดยหลักจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของน้ำมันอากาศยานและน้ำมันเบนซินที่ปรับลดลง กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกัน โดยหลักจาก ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาอ้างอิง แม้ว่าปริมาณขายรวมจะเพิ่มขึ้น ธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas

กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 จำนวน 21,533 ล้านบาท ลดลง 1,782 ล้านบาท หรือ 7.6% จากไตรมาส 1/68 ที่มีกำไร 23,315 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก EBITDA ลดลง อย่างไรก็ตาม มีการรับรู้รายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 4,200 ล้านบาท โดยหลักจาก บมจ.ไทยออยล์ [TOP] ที่มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมจากการซื้อกิจการในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของการเข้าซื้อและควบรวมโรงกลั่นน้ำมันของกลุ่มเชลล์ในสิงคโปร์ ขณะที่ในไตรมาส 1/68 รับรู้เป็นขาดทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยหลักจากส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการด้อยค่าสุทธิกับการกลับรายการด้อยค่างินลงทุนของบริษัท อูเบะ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) (UCHA) ของ บมจ.ไออาร์พีซี [IRPC]

ส่วนงวดครึ่งปีแรก ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 172,320 ล้านบาท ลดลง 61,731 ล้านบาท หรือ 26.4% จากครึ่งแรกของปี 67 ที่มีจำนวน 234,051 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นผลดำเนินงานลดลงเนื่องจากมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิและมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ 5,800 ล้านบาท จากที่กำไร 5,400 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 67

นอกจากนี้ กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ยังลดลงจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมลดลงตามราคาขายน้ำมันดิบในตลาดโลก ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีกำไรขั้นต้นลดลงตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ที่ใช้อ้างอิง

ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรก ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 44,848 ล้านบาท ลดลง 19,589 ล้านบาท หรือ 30.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 64,437 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)