KCC ไตรมาส 2 โกยกำไรพุ่ง 332% โชว์แกร่งเตรียมพร้อมวงเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ครบถ้วน

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง (KCC) เปิดเผยผลดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวดไตรมาส 2/68 ว่า กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 98.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 332% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.8 ล้านบาท หนุนให้งวดครึ่งแรกปี 68 มีกำไรสุทธิรวม 112.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 187% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 39.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/68 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมจำนวน 171.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 69.7 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนบริษัทมีรายได้รวม 231.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 131.5 ล้านบาท

“การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมในงวดนี้เป็นผลจากการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทไม่ได้มีรายการพิเศษใดๆ แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่บริษัทได้จัดหาบริหารไว้ก่อนหน้านี้  ซึ่งโดยปกติในช่วงเริ่มต้นของการเข้าซื้อ NPL เข้าพอร์ต มักจะยังไม่สร้างรายได้ทันที เนื่องจากต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ เจรจา ปรับโครงสร้างหนี้ และดำเนินการทางกฎหมาย เมื่อพอร์ตเข้าสู่ช่วงที่เหมาะสม ผลตอบแทนจากการบริหารจะเริ่มสะท้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง  เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้ ที่สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารพอร์ตหนี้ที่เริ่มสร้างผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมหลังจากช่วงเวลาการจัดหาและบริหารสินทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา  ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าว

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทได้เข้าลงทุน ซื้อพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น จำนวน 187 ล้านบาท การขยายพอร์ตเป็นไปตามกลยุทธ์ระยะยาวในการเพิ่มฐานสินทรัพย์ของบริษัท และเพิ่มโอกาสสร้างกระแสเงินสดในอนาคตและผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนและหนุนการเติบโตระยะยาวและยั่งยืน ให้กับบริษัทหนุนให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน2568 สินทรัพย์รวมของบริษัทขยับขึ้นไปอยู่ที่ 2,586.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4% จากสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,496 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นขึ้นมาอยู่ที่ 1,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,208 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสะสม ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากผลการดำเนินงานที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท

“บริษัทมีหุ้นกู้จำนวนหนึ่งที่จะครบกำหนดไถ่ถอนภายในเดือนตุลาคม 2568 ซึ่งบริษัทได้วางแผนและจัดเตรียมเงินทุนสำหรับการชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องและการดำเนินงานของบริษัท และสำหรับหุ้นกู้ที่เหลืออยู่บริษัทได้ดำเนินการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเงินอย่างรอบคอบ ผ่านการติดตามภาวะตลาดเงิน การวางแผนกระแสเงินสดและการกระจายแหล่งเงินทุน เพื่อรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับเหมาะสมและรองรับการชำระคืนภาระหนี้ในอนาคต”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)