
บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น [AAV] เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 ที่ 214.2ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,324.4 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (225.6) ล้านบาทในไตรมาส 2
ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ (845.3) ล้านบาท เทียบกับกำไรจากการดำเนินงานหลักจานวน 264.5 ล้านบาทในไตรมาส 2/67
ส่วนรายได้จากการขายและบริการ 9,820.3 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง 3% และค่าโดยสารเฉลี่ยที่ลดลง 13% มาอยู่ที่ 1,676 บาทต่อคน ต้นทุนการขายและบริการลดลง 2%มาอยู่ที่ 9,737.0 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับสนามบินที่ลดลง ตามการปรับลดปริมาณที่นั่งในเส้นทางระหว่างประเทศ
ทั้งนี้รายได้ต่อที่นั่งต่อกิโลเมตร (RASK) อยู่ที่ 1.63 บาท ลดลง 17% ขณะที่ต้นทุนต่อที่นั่งต่อกิโลเมตรที่ไม่รวมค่าน้ำมัน
ในไตรมาส 2/68 บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) มีจำนวนผู้โดยสาร 4.8 ล้านคน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีการเพิ่มปริมาณที่นั่งขึ้น 8% เป็น 5.9 ล้านที่นั่ง ส่งผลให้อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 82% ลดลงจาก 91% ในไตรมาส 2/67
สำหรับเส้นทางบินในประเทศ TAA ขนส่งผู้โดยสาร 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัย
อย่างไรก็ตาม ตลาดเอเชียใต้ นำโดยอินเดียยังคงเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง โดยมีจำนวนผู้โดยสารเติบโต 10% ในขณะที่ตลาดเวียดนามจำนวนผู้โดยสารเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เที่ยวบินเสรีภาพการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ยังคงสร้างผลการดาเนินงานได้ดีกว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศส่วนใหญ่ โดยมีการเปิดเส้นทางบินใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายนได้แก่ ดอนเมือง-ฮ่องกง-โอกินาวา และ เชียงใหม่-ไทเป-ชิโตเสะ
ในครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 24,903.7 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3% โดยรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่
ทั้งนี้ บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,987.8 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี
บริษัทยังคงมีมุมมองอย่างระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของตลาดจีน ซึ่งยังไม่มีมีแนวโน้มกลับสู่ระดับที่เคยเป็นจนกว่าจะมี
สำหรับตลาดในประเทศ TAA จะยังคงขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์การปฏิบัติการบินผ่าน 2 สนามบิน และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้เที่ยวบินภายในประเทศที่บินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ(BKK) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ แม้สายการบินในตลาดมีการเพิ่มจำนวนที่นั่งที่ให้บริการจำนวนมาก ซึ่งทำให้ราคาตั๋วโดยสาร
สำหรับตลาดระหว่างประเทศ TAA จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินในช่วงครึ่งปีหลังไปยังตลาดที่เติบโตสูง เช่น อินเดียและเวียดนาม ซึ่งวางแผนจะเพิ่มที่นั่ง 15–20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหาโอกาสเปิดเที่ยวบิน Fifth Freedom มากขึ้น รวมทั้งเปิดเที่ยวบินตามฤดูกาลท่องเที่ยว เช่น ดอนเมือง–คยา เป็นต้น ทั้งนี้ จากจุดเด่นด้านความเป็นผู้นำในเรื่องการตรงต่อเวลา ซึ่งล่าสุดในเดือนมิถุนายนได้รับการจัดอันดับสูงสุดในกลุ่มสายการบินในเอเชีย–แปซิฟิกโดย Cirium การมีบริการเสริมที่ครบถ้วนบนแพลตฟอร์ม OTA รายสำคัญ และการตั้งราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและยอดขาย
TAA คาดว่าช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะยังคงเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ต่ำที่สุดของปี ก่อนจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 อย่างไร
ส่วนด้านการบริหารฝูงบิน ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทยังคงมีแผนรับมอบเครื่องบิน A321neo จำนวน 2 ลำซึ่งจะทำให้จำนวนฝูงบินรวม ณ สิ้นปีอยู่ที่ 64 ลำ ลดลงจากแผนเดิมที่ 66 ลำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)