SORKON แกร่ง! แม้กำไร Q2 ลด แต่ครึ่งปีแรยังโตพุ่ง 38.9% จากการควบคุมต้นทุน-ขยายตลาด

นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บมจ.ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ [SORKON] เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/68 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 924.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 860.9 ล้านบาท โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กระแสผลิตภัณฑ์แหนมยังได้รับความนิยมสูง ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจฟาร์มสุกร เป็นผลจากปัจจัยด้านราคาสุกรที่ขยับตัวสูงขึ้น อีกทั้งจำนวนสุกรที่ขายได้ก็มากขึ้นด้วย ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ทำได้ 36.9 ล้านบาท ลดลง 29.7% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายการขายเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสัญญา

สำหรับงวดครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,806.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมาจากยอดขายกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ทำรายได้ 955.6 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52.9% ของยอดขายรวม เติบโตขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยหนุนจากกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่สร้างความนิยมในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์ ส.ขอนแก่น, บ้านไผ่, หมูแชมป์, ห้วยแก้ว, กันเอง และอองเทร่ นอกจากนี้ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค หนุนยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป ทำรายได้ 582.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 32.3% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันมีแบรนด์ แต้จิ๋ว, มหาชัย และไทเป ขณะที่ กลุ่มงานร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) มีรายได้ 47.8 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.6% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 21.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ และมีการปิดสาขาที่มีผลประกอบการขาดทุน นอกจากนี้ ได้เพิ่มอาหารในรูปแบบบุฟเฟต์ ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น

ด้าน กลุ่มงานฟาร์มสุกร ทำรายได้จำนวน 219.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.2% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 51.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจฟาร์มมีรายได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณสุกรที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ผลักดันภาพรวมของกลุ่มฟาร์มสุกรดีขึ้น และกลุ่มรายได้จากการให้เช่าและบริการ จำนวน 8.8 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.5% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถหาผู้เช่ารายใหม่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายคงที่ได้ดีขึ้น ทำให้ผลขาดทุนลดลง

สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในงวดครึ่งปีแรก ทำได้ 94.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามผลประกอบการที่เติบโต จากธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ และธุรกิจฟาร์มสุกร ขณะเดียวกันยังเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายของสินทรัพย์ชีวภาพที่เพิ่มขึ้น จำนวน 19.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ โดยรวมเพิ่มสูงขึ้น

นายจรัญพจน์ กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้ายกระดับอาหารไทยสู่มาตรฐานใหม่ ภายใต้เป้าหมายชัดเจน แบ่งเป็น (1) ยกระดับอาหารไทยให้สร้างชื่อเสียงในระดับโลก ด้วยการพัฒนาสินค้าจากภูมิปัญญาไทยผ่านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล พร้อมขยายโอกาสส่งออกและจัดจำหน่ายในตลาดโลก (2) มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทุกแบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการส่งมอบสินค้าที่คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม (3) สร้างระบบห่วงโซ่คุณค่าแห่งการแบ่งปัน ที่เชื่อมโยงและบูรณาการทุกกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน และ (4) เป็นองค์กรแห่งความสุข ที่ดึงดูดบุคลากรที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมาย ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมมอบผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรม เพื่อยกระดับชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)