
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM] เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/68 ว่าภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับรูปแบบการเดินทางและตัวเลือกของเส้นทางเดินทางของผู้ใช้บริการมีมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในภาพรวมทรงตัว โดยรายได้จากสามธุรกิจหลักในไตรมาสสองนี้ มีจำนวน 3,997 ล้านบาท ลดลง 1%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิ 993 ล้านบาทลดลง 1% YoY ที่มีกำไรสุทธิ 1,003 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจระบบราง มีจำนวน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 20 ล้านบาท โต 1% มีปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย 385,800 เที่ยวต่อวัน และในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 456,400 เที่ยวต่อวัน ส่วนรายได้จากธุรกิจทางพิเศษ มีจำนวน 2,084 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 30 ล้านบาท หรือลดลง 1% ในภาพรวมมีปริมาณรถที่ใช้ในทางพิเศษ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.08 ล้านเที่ยวต่อวันปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน ส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 290 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน
“BEM เชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทเน้นความยั่งยืนมาก ทั้งการบริหารงานและการเติบโต ทุกครั้งที่ตั้งใจประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐจนสำเร็จได้มาแล้ว เรามั่นใจมากว่าเราจะทำให้ไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สัญญาสัมปทาน สายสีน้ำเงินที่เป็นเส้นทางวงกลมรอบกรุงเทพฯ เพียงสายเดียวที่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายอื่น รถเมล์ รถยนต์อย่างไรก็ต้องไปเจอสายสีน้ำเงิน สายนี้กำลังกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้น หลังจากถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) และได้รับการต่อสัญญาสัมปทานขยายเวลาไปถึงปี 2593 ส่วนสายสีม่วงที่ BEM เป็นผู้รับจ้างเดินรถนั้น หากได้เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องตลอดทั้งสายก็จะกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน
ขณะที่สายสีส้มยังต้องใช้เวลาหลังจากเปิดให้บริการอีกประมาณ 5-6 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ทั้งหมดเป็นภาพการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเอ่ยถึงธุรกิจทางพิเศษเพราะถึงจุดคุ้มทุนไปแล้วและยังเป็นธุรกิจที่ส่งกำลังให้ BEM ในภาพรวม ซึ่งทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่สองถือเป็น Super Cash Cow ได้เลย” นายสมบัติ กล่าว
สำหรับภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม. เสร็จแล้ว ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร มีความคืบหน้า 10% เป็นไปตามแผนงาน ส่วนขบวนรถอยู่ในขั้นตอนการผลิตซึ่งจะทยอยมาถึงประเทศไทยในปี 2569
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)