มองมุมต่าง: “DELTA-THAI” สองหุ้นหลักที่ได้รับความนิยมจาก Animal Spirits

การคาดหวังเพียงการฟื้น “ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือ” (Trust and Confidence) เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนให้กลับเข้าตลาดหุ้นไทยผ่านการพัฒนาเรื่องธรรมาภิบาลนั้นเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน แต่อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด

ในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้แต่ตลาดที่พัฒนาแล้ว เรายังตรวจพบการฉ้อโกง การเอาเปรียบผู้ลงทุนด้วยข้อมูลภายใน การหาประโยชน์เอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปเป็นระยะอยู่เสมอ ในทุกๆ ตลาดหุ้น

แต่หน้าที่ที่สำคัญของนักลงทุนที่ดี คือ ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงก่อนลงทุนเสมอ ไม่มีใครมาปกป้องคุณหากคุณไม่คิดจะปกป้องตัวเอง หรือทำการบ้านอย่างหนักก่อนเข้าลงทุน

“ไม่มีใครจะมาทำให้คุณรวย โดยที่คุณนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกแรงทำอะไร” เพราะทุกความสำเร็จ (ที่ถูกต้อง) มักมีเรื่องราวของความยากลำบากความพยายาม รวมถึงโชคชะตา เป็นส่วนผสมขององค์ประกอบที่สำคัญ

ก่อนอื่น ต้องยอมรับกันตามความเป็นจริงว่า ในทุกจังหวะ สิ่งที่จะผลักไสคนออกจากตลาดหุ้น คือ ” ความกลัว” กลัวอะไร!? กลัวสิ่งที่ประเมินไม่ได้

ในทางกลับกัน การจะดึงคนให้กลับมาสนใจในตลาดหุ้น คือ”ความโลภ” กับ “ความกล้า” จากการมองเห็นโอกาสแห่ง “การเก็งกำไร” ซึ่งเป็นเรื่องที่คนสนใจ มากกว่าเรื่องของ Trust and Confidence อย่างเดียว

ฉะนั้น หน้าที่หลักของการเป็นผู้ลงทุนที่ดี และมีคุณภาพ ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงทุกครั้งก่อนเข้าลงทุน

เหตุผลที่น่าสนใจที่ว่า คือ อารมณ์และความเชื่อมั่น (Animal Spirits) ที่มีอิทธิพลจาก “ความกลัว” กับ “ความโลภ”มากกว่าการวิเคราะห์ทางด้านพื้นฐาน

ความต้องการที่เห็นเด่นชัดและยากที่จะปฏิเสธที่ทำให้ใครหลายคน “อยาก” กลับมาเล่นหุ้นไทย คือ “การเก็งกำไร”

ยกตัวอย่างของหุ้นที่ทำให้หลายคนอยากจะกลับมาเล่น คือ หุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI

เนื่องจากสิ่งที่โชว์หน้ากระดาน bid-offer เยอะๆ สภาพคล่องอันล้นหลาม วอลุ่มเทรดที่แห่กันเข้ามาวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป นับตั้งแต่กลับมาเทรด (Resume trade) เป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้เกิด Animal Spirits

ประกอบกับ การที่มีสภาพคล่อง (Free float) แค่ 5-7% ถือเป็น narrative หลัก ที่สามารถดึงคนอยากเข้ามาเล่นเกมแห่ง “การเก็งกำไร” ในครั้งนี้

ขอเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ถ้าทุกอย่างเหมือนกันแต่ฟรีโฟลตท่วมๆ 40-50% ขึ้นไป หุ้นจะไม่มีทางขึ้น หรือมีเสน่ห์ได้แบบนี้

พอมี narrative ที่เป็นองค์ประกอบหลัก เพียงแค่ 2 ข้อตามที่กล่าวไปในเบื้องต้น คือ “สภาพคล่องอันล้นหลามกับฟรีโฟลตที่ต่ำ” ก็มากเพียงพอแล้วที่จะดึงความสนใจให้เกิดขึ้น

เรายังไม่นับรวมการมีสตอรี่ดีๆ ในเรื่องของ แอร์คาร์โก้, แนวโน้มการพลิกฟื้นของ ผลประกอบการ ,โอกาสของการกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น การเป็น The world’s most profitable airline ของโลก ฯลฯ

แถมด้วยเป็นหุ้นที่มี Influencer รุ่นเดอะ “ระดับกิตติมศักดิ์” คอยเชียร์ให้อยู่เป็นระยะ

ลักษณะนี้คล้ายคลึงกับหุ้น DELTA ที่ผ่านมาที่วิ่งขึ้นจากค่า P/E 30 เท่า จนทะลุ 100 เท่า และมาร์เก็ตแคปอยู่อันดับ 1 ในปัจจุบัน

แม้ธุรกิจต่างกัน แต่หุ้น THAI วอลุ่มเทรดก็ “บินอยู่บนฟ้า” เมื่อราคาทะยานบินขึ้น นักลงทุนก็พร้อมลืมอดีตและให้อภัยกับสิ่งที่ผ่านมาและมองข้ามวังวนเดิมที่อาจจะกลับมาได้อีก

ถึงแม้วันนี้ THAI มีโครงสร้างใหม่ที่ต่างจากเดิม แต่ในอดีตตั้งแต่ IPO ปี 2534 จนถึงเข้าแผนฟื้นฟู มีการเพิ่มทุนบ่อยจนนับไม่ไหว และไปต่อไม่ได้

ความกังวลเรื่องถูกควบคุมจากอำนาจทางการเมืองแบบเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ โครงสร้างผู้ถือหุ้นและบอร์ดก็ไม่ต่างจากเดิมมาก ถึงไม่ใช่นายพลทหารอากาศ แต่ก็ยังเป็นข้าราชการชั้นสูง เพราะรัฐบาลคือ “ผู้ถือหุ้นใหญ่”

สิ่งที่จะบอกก็เรื่อง CG แม้สำคัญ แต่ไม่ใช่ตัวชี้ขาด ญี่ปุ่นยุคก่อน “ธนูสามดอก” ของอาเบะเมื่อกว่า 13 ปีก่อน ก็เผชิญปัญหาโกงในหลายบริษัทขนาดใหญ่ แต่การอัดสภาพคล่องและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ กลับเป็นจุดเริ่มของ Bull Market ยาวมาถึงปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ ปัจจัยพื้นฐาน นโยบายการเงินและการคลัง สภาพคล่อง และรวมไปถึงสตอรี่ ที่ทำให้เห็นความหวังที่จับต้องได้

ถ้าจะหวังแต่ Trust & Confidence โดยที่ยังไม่สามารถจะวัดค่า หาความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมได้ ก็อยากฝากเคสของ Animal spirits ไว้เป็นอีกมุมมองหนึ่ง

ธิติ ภัทรยลรดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)