
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เผยแพร่ผลการวิจัยโดยละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติอาชญากรรมไซเบอร์และการฉ้อโกงทางออนไลน์ โดยงานวิจัยฯ ประกอบด้วยแผนที่แสดงศูนย์กลางการฉ้อโกงทางไซเบอร์ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันกัมพูชากลับกลายเป็นศูนย์กลางการฉ้อโกงทางไซเบอร์ชั้นนำ และหนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่คือ สีหนุวิลล์ ซึ่ง UNODC ระบุว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการฉ้อโกงทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา
นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ยังได้ระบุว่ามีการลงทุนจากต่างชาติจำนวนมากในพื้นที่ อีกทั้งได้พัฒนาเป็นทั้งแหล่งหลบซ่อนและฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยโดยเฉพาะปอยเปต เมืองชายแดนที่อยู่ตรงข้ามกับอรัญประเทศ
ผลการวิจัยจาก UNODC ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของประเทศในฐานะศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชื่อมโยงอันซับซ้อนระหว่างอำนาจทางการเมืองความหมดหวังทางเศรษฐกิจ และอาชญากรรมข้ามชาติ กำลังสร้างความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศกัมพูชา หนึ่งในข้อกังวลสำคัญของประชาคมโลก มหาอำนาจ และ UNODC คือ หลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนทางการเงินระหว่างชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชา และอุตสาหกรรมหลอกลวงที่กำลังเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่า “ศูนย์การฉ้อโกง” ที่ดำเนินงานภายใต้หน้ากากของธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ LYP Group ซึ่งถือสัมปทานในเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกงของกัมพูชา บริษัทในเครือประกอบด้วย Koh Kong International Resort Club และ Export-Import กลุ่มนี้ถูกคว่ำบาตรและขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐอเมริกา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต การค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการฉ้อโกงทางออนไลน์
นายฮุน โตหลานชายของนายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกระบุว่ามีส่วนพัวพันกับ Huione Group ที่ประกอบด้วย บริษัทลูกจำนวนมาก เช่น Huione Pay PLC (ผู้ให้บริการชำระเงิน), Huione Crypto (แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล), และ Haowang Guarantee (ตลาดออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการผิดกฎหมาย) จากการตรวจสอบของสหรัฐฯ กลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการฟอกเงินระดับโลก เชื่อมโยงกับกิจกรรมฉ้อโกงทางไซเบอร์ในระดับนานาชาติ เช่น
เงินจากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การฉ้อโกงด้านสินทรัพย์ดิจิทัล 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบอื่น ๆ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำนักงาน Fincen ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ระบุว่า Huione Group เป็นศูนย์กลางของการฟอกเงินจากการฉ้อโกงผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ทั่วโลก โดยมีตลาดออนไลน์ Haowang Guarantee เป็นหนึ่งในตลาดเถื่อนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์ และล่าสุด ธนาคารกลางกัมพูชาได้เพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Pay ในเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากประชาคมโลกที่มีต่อกัมพูชาจนไม่อาจละเลยต่อไปได้
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 68 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ตรวจพบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างเครือข่ายการพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยกับบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่ามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อภายในประเทศไทยจะถูกโอนผ่านบัญชีม้า จากนั้นจะถูกแปลงสภาพเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และดำเนินการฟอกเงินออกมาในรูปของเงินสดหรือทรัพย์สิน โดยกระบวนการเหล่านี้
จากสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ทำให้หลายภาคส่วนในประเทศไทยได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์ ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับกลุ่ม
ทั้งนี้ ประเด็นอาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้นในกัมพูชาได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก จึงควรถูกเปิดเผยและหยิบยกขึ้นหารือในเวทีระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ ควบคู่ไปกับการจัดการข้อพิพาทเขตแดนดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเสนอให้ควรมีการจัดตั้งเวทีหารือระดับพหุภาคี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมของภูมิภาค แทนที่จะปล่อยให้ปัญหาถูกจำกัดอยู่ในกรอบการดำเนินการแบบทวิภาคีหรือฝ่ายเดียว
ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล โดยควรผลักดันประเด็นอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ โดยเฉพาะเครือข่ายที่มีฐานในกัมพูชาเข้าสู่วาระหารือในเวทีระหว่างประเทศ เช่น อาเซียน สหประชาชาติ หรือเวทีความมั่นคงระดับภูมิภาค เพื่อสร้างแรงกดดันทางการทูตและขับเคลื่อนความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนบทบาทของศูนย์ความร่วมมือและบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายล้านช้าง-แม่โขง (LMLECC) ให้เป็นกลไกหลัก เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวกรองตรวจสอบเส้นทางการเงิน และติดตามกิจกรรมผิดกฎหมายในภูมิภาค
ขณะเดียวกันรัฐบาลควรเร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบัญชีม้า พร้อมยกระดับขีดความสามารถด้านการข่าวและการสืบสวน โดยใช้ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน (ศอ.ปชด.) เป็นกลไกหลักเพื่อบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร เพื่อให้สามารถรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)