SAK กางแผนครึ่งปีหลังเจาะกลุ่มความเสี่ยงต่ำ-รุกขยายสินเขื่อเกษตร ที่ดิน โซลาร์รูฟ

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง [SAK] เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าปล่อยสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อทะเบียนรถเพื่อการเกษตร สินเชื่อที่ดิน และโดยเฉพาะสินเชื่อโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เนื่องจากดีมานด์เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมุ่งจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ โดยพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม หรือเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำหรือเกษตรกรที่ได้รับผลดีจากสภาพอากาศ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาพืชผลทางการเกษตร และส่งผลมายังความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ของลูกหนี้ ทำให้บริษัทฯ เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยยึดหลักในการปล่อยสินเชื่อตามวัตถุประสงค์การประกอบอาชีพอย่างชัดเจน ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำและมีแนวโน้มปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นทุนการเงินครึ่งปีหลัง จึงมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีแตะ 15,500 ล้านบาท เติบโต 8-10%

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยขยายพอร์ตสินเชื่อโดยรวมทะยานสู่ 14,900 ล้านบาท เติบโต 14.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 1,686 ล้านบาท เติบโต 14.0% มีกำไรสุทธิ 439 ล้านบาท เติบโต 11.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ไตรมาส 2/68 มีรายได้รวม 859 ล้านบาท เติบโต 13.7% กำไรสุทธิ 215 ล้านบาท เติบโต 8.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและวิสัยทัศน์ของ SAK ที่มุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาคเกษตร ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำไปเพาะปลูกตามฤดูกาล รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ต้องการเสริมฐานทุนสำหรับการประกอบอาชีพต่างๆ

ปัจจัยเติบโตมาจากสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อทะเบียนรถเพื่อการเกษตรที่เติบโตโดดเด่น เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของเกษตรกรพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน จากการที่ภาคการเกษตรของประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก ประกอบกับช่วงในไตรมาส 1/68 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การขยายสาขาใหม่ครบ 50 สาขา ได้ตามเป้าหมาย จาก 1,029 สาขา เพิ่มเป็น 1,079 สาขา ครอบคลุม 47 จังหวัด ส่งผลให้สินเชื่อของ SAK สามารถตอบสนองดีมานด์อย่างรวดเร็วและตรงจุด ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็น เพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูกและต่อยอดผลผลิตได้อย่างเต็มที่ และสำหรับประชาชนทั่วไป SAK ก็เป็นฐานทุนที่แข็งแกร่งและยืดหยัดเคียงข้างในสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างต่อเนื่อง

“SAK สามารถควบคุมสัดส่วน NPL อยู่ที่ 2.6% ณ สิ้นไตรมาส 2/68 ผ่านกลยุทธ์การคัดกรองสินเชื่อคุณภาพสูงตั้งแต่ต้นทาง การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อไปยังกลุ่มลูกค้าและพื้นที่ที่หลากหลาย รวมทั้งการติดตามและจัดเก็บหนี้อย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงความสามารถการบริหารจัดการความเสี่ยงที่โดดเด่นและรัดกุมในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ซึ่งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ตอกย้ำรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว” นายศิวพงศ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)