DELTA คาด AI หนุนยอดขายโตต่อเนื่อง มองภาษีสหรัฐฯ ไม่กระทบ

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) [DELTA] คาดการณ์ว่า ยอดขายของบริษัทจะยังคงเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้า โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า บริษัทกำลังเพิ่มการลงทุนเพื่อผลักดันการขยายธุรกิจ โดยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น ผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายสำหรับศูนย์ข้อมูลและระบบเครือข่าย จะมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมของบริษัทภายในสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 42% ในไตรมาสล่าสุด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายสำหรับช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วย

DELTA เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่ลูกค้าอย่างอินวิเดีย (Nvidia) ขยายธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของบริการต่าง ๆ เช่น Generative AI

“แอปพลิเคชันทั้งหมดที่เกี่ยวกับ AI จะยังคงเติบโตต่อไป ธุรกิจนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง” นายเจิ้งกล่าว

สำหรับความท้าทายจากการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของไทยในอัตรา 19% นั้น นายเจิ้งมองว่าไม่ใช่เรื่องน่ากังวลมากนัก เนื่องจากบริษัทสามารถผลักภาระภาษีส่วนใหญ่ให้กับลูกค้า โดยสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนยอดขายของ DELTA มากถึง 35% และบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากการได้รับเงินคืนภาษีบางส่วนที่ต้องจ่ายล่วงหน้าให้กับลูกค้าไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ราคาหุ้น DELTA พุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวจากราคาต่ำสุดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว

1.92 ล้านล้านบาท นักวิเคราะห์มองว่า เดลต้าเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทของไทยที่จะได้ประโยชน์จากกระแสดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังเฟื่องฟู

นายเจิ้งกล่าวว่า “โมเมนตัมกำลังมาแรง ธุรกิจศูนย์ข้อมูลเป็นส่วนที่จะช่วยหนุนเราทั้งรายได้และกำไร” อย่างไรก็ตาม เขากล่าวด้วยว่า “ผมพูดอยู่เสมอว่าผมไม่ชอบให้ราคาหุ้นสูงเกินไป ราคาสูงขนาดนี้ไม่รู้ว่าจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน และอาจมีบางคนต้องเจ็บตัว”

ปัจจุบัน เดลต้ากำลังขยายการดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย โดยปีนี้บริษัทว่าจ้างวิศวกรเพิ่มกว่า 100 คน ทำให้มีวิศวกรทั้งหมดประมาณ 400 คนในไทย และปัจจุบันเดลต้ามีพนักงานในประเทศไทยประมาณ 20,000 คน ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นอกจากนี้ โรงงานใหม่สองแห่งของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา จะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในไตรมาสที่สี่ ซึ่งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการด้านโซลูชันการจัดการความร้อนและชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้

“ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า AI และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจะฉลาดและเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเรา เราเพียงต้องการจะรักษาระดับการเติบโตแบบตัวเลขสองหลักนี้ไว้ พร้อมกับรักษาวินัยในการบริหารจัดการอัตรากำไรของเรา” ซีอีโอ DELTA กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)