
มหานครลอนดอนกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการชะลอตัวของตลาดแรงงานในอังกฤษ หลังการปรับขึ้นภาษี การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ซบเซา ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับลดจำนวนพนักงานมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ
ข้อมูลจากกรมสรรพากรระบุว่า นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2567 กรุงลอนดอนสูญเสียตำแหน่งงานประจำเกือบ 45,000 ตำแหน่ง ภายหลังรัฐบาลพรรคแรงงานประกาศขึ้นภาษีสมทบประกันสังคมของนายจ้าง (payroll tax) มูลค่า 2.6 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์) โดย 1 ใน 4 ของการสูญเสียงานทั้งหมดในอังกฤษเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน และหากรวมกับภูมิภาคเซาท์อีสต์ ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มเป็นเกือบ 40% ของตำแหน่งงานทั้งหมด
ธุรกิจค้าปลีกและบริการเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ และตำแหน่งงานส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอน ขณะที่องค์กรยูเคฮอสพิทอลลิตี้ (UKHospitality) ระบุว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของแรงงานในภาคนี้อยู่ในเมืองหลวง
เคต นิโคลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ UKHospitality กล่าวว่า การรักษาธุรกิจผับและร้านอาหารให้ดำเนินต่อไปเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย ๆ โดยลอนดอนเป็นเมืองที่มีการแข่งขันต่ำที่สุดในยุโรปในแง่ของภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และลอนดอนสูญเสียงานในภาคบริการอาหารและเครื่องดื่มไปประมาณ 3 หมื่นตำแหน่งในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์หางานอินดีด (Indeed) ยังชี้ว่า จำนวนการประกาศรับสมัครงานในลอนดอนลดลงเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยเฉพาะในภาคค้าปลีกและบริการที่ลดลงเกือบ 40% ในลอนดอน เมื่อเทียบกับการลดลงเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 26% และ 9% ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)