
นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ AMATAV ในช่วงครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามซีซั่นของธุรกิจที่จะมีการทยอยรับรู้รายได้ของการขายที่ดินเข้ามามากขึ้น โดยการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในเวียดนามจะแตกต่างจากไทยคือจะบันทึกได้หลังจากพัฒนาที่ดินเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่ในไทยสามารถบันทึกได้ทันทีเมื่อมีการโอน ทำให้ธุรกิจในเวียดนามต้องใช้ระยะเวลามากกว่า
บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามจะทำได้ตามเป้าหมาย 500 ไร่ แม้ว่าครึ่งปีแรกจะทำได้เพียง 20% ของเป้าหมาย แต่ทีมงานของ AMATAV ทำงานกันอย่างเต็มที่ และศักยภาพของเวียดนามยังสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างๆ ให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง
นางสมหะทัย กล่าวว่า เวียดนามมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) สูงกว่า 7% และมีโอาสเพิ่มขึ้นไปแตะ 10% ได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลเร่งผลักดันด้านการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เวียดนามถือเป็นหนึ่งในอาเซียนที่ต่างชาติให้ความสนใจ ประกอบกับ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล และการปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบราชการต่างๆ ให้คล่องตัวและฉับไวมากขึ้น ทำให้การขอใบอนุญาตต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว และช่วยอำนวยความสะดวกกับนักลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ตลอดระยะเวลา 30 ปี AMATAV ได้ขยายการลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยมี 3 นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดให้บริการ ได้แก่ นิคมอุตสลหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว, อมตะซิตี้ ลองถั่น และอมตะซิตี้ ฮาลอง ซึ่งที่ดินรวม 18,000 ไร่ ปัจจุบันเหลือขาย 50% คาดว่าจะสามารถรองรับการขายได้ 3-4 ปีจากนี้ พาอมวางเป้าหมาย 5 ปีจากนี้จะมีที่ดินในมือเพิ่มอีก 6,000 ไร่
ล่าสุด บริษัทได้ลงทุนที่ดินในเมือง Phu Tho (ฟูเถาะ) ในเวียดนามเพิ่ม จำนวนที่ดิน 500 เฮกเตอร์ หรือราว 3,000 ไร่ คาดว่าในช่วงปลายปี 68 จะได้รับใบอนุญาต จากนั้นจะรวบรวมที่ดินและเริ่มเปิดขายในปี 69 โดยบริษัทประเมินว่าในช่วง 3 ปี (ปี 69-71) จะใช้งบในการลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภค และการลงทุนรวบรวมที่ดินราว 1.5 พันล้านบาท
นายสุขุม พิทยาพิบูลพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน AMATAV กล่าวว่า บริษัทวางเป้ารายได้รวมในปี 68 ไว้ที่ 6 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกทำไปแล้ว 1.98 พันล้านบาท แต่ครึ่งปีหลังนี้จะเห็นรายได้เร่งตัวขึ้นจากการทยอยรับรู้ Backlog เข้ามาอีกราว 20-30 เฮกเตอร์ และผลการดำเนิงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นตามซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับ บริษัทเริ่มทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้การบันทึกขาดทุนจากสกุลเงินดองเวียดนามอ่อนค่าลงจะไม่มากเท่ากับครึ่งปีแรก เชื่อว่าจะช่วยหนุนผลงานให้กลับมาดีขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)