หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวขาดปัจจัยใหม่ เกาะติดประชุมเฟด,เจรจารัสเซีย-ยูเครน,การเมืองในปท.

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้

คาดดัชนีพักตัว ยังขาดปัจจัยใหม่ขับเคลื่อนดัชนี นักลงทุนรอติดตามพัฒนาการของปัจจัยต่าง ๆ โดยปัจจัยต่างประเทศ ตลาดปรับมุมมองการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการประชุมประจำปีที่ Jackson Hole 21-23 ส.ค. นี้

ประเด็นถัดมานักลงทุนรอติดตามความคืบหน้าเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ระยะถัดไปตลาดให้น้ำหนักกับการที่สหรัฐฯ เตรียมนัดการประชุมผู้นำ 3 ฝ่าย ระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครน ทั้งนี้หากยุติสงครามได้จะทำให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันรัสเซียที่จะออกมา ส่งผลให้ระยะสั้นราคาน้ำมันปรับตัวลงอาจเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงานได้

สำหรับปัจจัยในประเทศ ระยะสั้นประเด็นการเมืองอยู่ในจุดสนใจ เนื่องจากจะมีการพิจารณาคดีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจทำให้ตลาดต้องเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น โดยรวมนักลงทุนรอติดตามพัฒนาการต่าง ๆ จากก่อนหน้านี้ตลาดก็ปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว ระยะนี้อยู่ในโหมดพักฐานไปก่อน

โดยให้กรอบแนวรับ 1,225 จุดและแนวต้าน 1,245 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,922.27 จุด เพิ่มขึ้น 10.45 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,411.37 จุด ลดลง 37.78 จุด หรือ -0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,314.95 จุด ลดลง 314.82 จุด หรือ -1.46%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดปรับตัวผสมผสาน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 43,400.66 จุด ลดลง 145.63 จุด หรือ -0.33%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,968.57 จุด ลดลง 154.33 จุด หรือ -0.61% ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,716.68 จุด ลดลง 10.61 จุด หรือ -0.28%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.) 1,235.76 จุด ลดลง 6.55 จุด (-0.53%) มูลค่าซื้อขาย 39,590.96 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (19 ส.ค.)416.46 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (19 ส.ค.) ลดลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.69% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 4.10 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.60 อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดรอปัจจัยใหม่เพิ่มเติม คาดกรอบวันนี้ 32.45-32.70

– จับตา “ไทย” เบียด “มาเลย์” ขึ้นเป็น “ศูนย์กลางศูนย์ข้อมูลอาเซียน” ล่าสุด Google และนักลงทุนระดับโลกกว่า 20 ราย เบนเข็มขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI หลังมาเลเซียซัพพลายไฟ-น้ำไม่เพียงพอ ต่ำกว่าดีมานด์ 10 เท่า

– “ทีมไทยแลนด์” นัดสหรัฐสัปดาห์นี้เคลียร์สัดส่วน Local content เผยข้อเสนอสหรัฐ 60% “พาณิชย์” เร่งหารือผู้ประกอบการ กำหนดสินค้าเกษตร “หอการค้า” จับตาสหรัฐประกาศสัดส่วน ส.อ.ท.หวังไทยโดนอัตราไม่เกิน 45% ภาคการผลิตไทยอยู่รอด “สมาคมธนาคาร” ชี้ต้องตีความข้อเสนอสหรัฐให้ชัด

– ธปท.ห่วงสินเชื่อระบบธนาคาร “ติดลบ” ต่อเนื่องไตรมาสที่ 4 หลังพบแบงก์เข้มปล่อยกู้ ธุรกิจแห่คืนหนี้ กลุ่มรายได้สูงรายได้เกิน 5 หมื่นบาทขึ้นไป ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น หวัง “ลดหนี้” เพื่อรับความเสี่ยงระยะข้างหน้าเพิ่ม รับ “เอ็นพีแอล” ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ขณะที่พบรายใหญ่ถูกจัดชั้นในกลุ่ม “ค้างหนี้” สูงขึ้น จากผลประกอบการทรุด

– คลังจัดระเบียบภาษี เดินหน้าสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ “Data Lake” เชื่อมข้อมูลประชาชนกว่า 60 ล้านคน และธุรกิจ 600,000 บริษัท สู่นโยบายสวัสดิการ Negative Income Tax ในปี 2570 เพื่อยกระดับนโยบายการคลัง และสวัสดิการรัฐอย่างตรงเป้า-โปร่งใส เผยต้องแก้กฎหมายบังคับทุกคนยื่นแบบภาษี ผู้ที่มีรายได้ต่ำเกณฑ์มีสิทธิได้รับสวัสดิการ พร้อมยกเลิก “บัตรสวัสดิการรัฐ” ดร.พิพัฒน์-KKP ชี้ต้องแก้โจทย์ “สังคมเงินสด” ซ่อนรายได้ สรรพากรสังคายนาเงินบริจาควัด ลดหย่อนภาษีต้อง e-Donation เท่านั้น อธิบดีลั่นใบอนุโมทนาบัตรกระดาษใช้ลดหย่อ-นภาษีไม่ได้-ได้แค่บุญ ต้อนวัดกว่า 2.4 หมื่นแห่งเข้าระบบ

– สมาคมบ้านจัดสรร-อาคารชุดไทย เรียกร้องให้ดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องถึง GDP โตเกิน 3% ชี้ช่วยลูกค้ารายย่อย อาชีพอิสระเข้าถึงสินเชื่อ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ดอกเบี้ย ลดหนุนภาระหนี้ลด 5-7 พันล้านบาท แต่สินเชื่อระบบแบงก์ปี 68 ยังติดลบต่อเนื่อง -0.6%

– ไทยติดหล่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI โตต่ำ กนอ.กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ เดินหน้าเสริมแกร่งนิคมอุตสาหกรรมไทย ขับเคลื่อนสู่การเป็น Econopolis ศูนย์กลางลงทุนอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ รับเทรนด์โลกเปลี่ยน ดันเศรษฐกิจนิคมอุตสาหกรรม ดึงเงินเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก ฟื้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่อ GDP เป็น 27%

– จับตาสหรัฐคงภาษีสินค้าจีน 30% บีบสินค้าแดนมังกรทะลักไทยเพิ่ม ผู้เชี่ยวชาญชี้ปี 68 ไทยมีสิทธิ์ขาดดุลจีนพุ่ง 1.7-1.8 ล้านล้าน อีกด้านผวาสวมสิทธิสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐโดนภาษีอ่วม 40% สภาอุตฯ ห่วงลามกระทบ 30 อุตสาหกรรมในปีนี้ ชี้ผลพวงยังกดกำลังผลิตไทยเหลือแค่ 60%

– ส.อ.ท. เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.68 อยู่ที่ 86.6 ลดลงจาก 87.7 ในเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าชายแดน โดยในเดือน มิ.ย.68 มูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.68 และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งยังมีสถานการณ์อุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องภาษีตอบโต้ของสหรัฐส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท ปรับเพิ่มประมาณการกำไรงวดปี 69 ขึ้น 3% เป็น 1.14 พันลบ.ทรงตัว y-y สะท้อน Gross Margin แข็งแรงและดอกเบี้ยจ่ายลดลง ประเด็นภาษีการค้าสหรัฐฯไม่กระทบธุรกิจโดย Aeroflex ได้นำเข้าวัตถุดิบเพียงพอถึงต้นปีหน้าแล้ว ส่วนงวดปี 70 คาดกำไรโต 18% y-y เป็น 1.34 พันลบ.ราคาน้ำมันดิบปรับลงเป็น Sentiment หนุนในแง่แรงกดดันด้านต้นทุนลดลงและหนุน Margin ยังแข็งแรง ด้าน Valuation ต่ำ เทรด PER เพียง 7.7 เท่าและต่ำ BVS

– BCPG (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.00 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก จากการทยอยเริ่ม COD โครงการต่างๆ และคาดจะไม่มีการตั้งด้อยค่าในจำนวนมากอย่างช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผสานรายได้จากการขายไฟใน US จะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป จากการปรับค่าความพร้อมจ่ายที่เร่งขึ้นแบบก้าวกระโดดตามความต้องการไฟฟ้าที่รองรับ datacenter ที่เพิ่มขึ้น

– AP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท มีมุมมองเชิงบวกหลังรายงานกำไรไตรมาส 2/68 ที่ 1.0 พันลบ. ลดลง 21% YoY แต่เพิ่มขึ้น 17% QoQ สอดคล้องกับที่เราและตลาดคาดที่ 986 ลบ.แสดงสัญญาณฟื้นตัวจากไตรมาส 1/68 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี ทั้งนี้ คาดรายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง HoH โดยเฉพาะโครงการ ไลฟ์ อุดมสุข สเตชั่น(4.6 พันลบ.จำนวน 1,004 ยูนิต) จะเป็นโครงการหลักหนุนการเติบโตใน Q3/68 ยอดขายคาดที่ 30-40% ขณะเดียวกันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.หนุน cost of fund ลดลงในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)