ญี่ปุ่นส่งออกเดือนก.ค.ลดลง 2.6% หนักสุดในรอบกว่า 4 ปี

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (20 ส.ค.) ว่า ยอดส่งออกร่วงลง 2.6% ในเดือนก.ค. แตะที่ระดับ 9.36 ล้านล้านเยน เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 และลดลงอย่างมากจากเดือนมิ.ย.ที่ขยับลงเพียง 0.5% นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือนก.ค.ยังย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.1%

ยอดส่งออกเดือนก.ค.ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร

ส่วนยอดนำเข้าเดือนก.ค.ปรับตัวลง 7.5% แตะระดับ 9.48 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือน

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าลดลง 81.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.175 แสนล้านเยน (795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าลดลงอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของราคาพลังงาน

เมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาค ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มูลค่า 5.851 แสนล้านเยน ลดลง 23.9% โดยยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 10.1% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลง 11.4% ในเดือนมิ.ย. ส่วนการนำเข้าลดลง 0.8% ขณะที่การส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 28.4% เมื่อพิจารณาเป็นมูลค่า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์สู่ระดับ 27.5% ในเดือนเม.ย. และต่อมาในช่วงปลายเดือนก.ค. ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวลงเหลือ 15% แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด

ขณะเดียวกันญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากับจีนในเดือนก.ค.มูลค่า 6.092 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเดือนที่ 52

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)