หลายรัฐร่วมส่งทหารพิทักษ์มาตุภูมิ หนุนทรัมป์คุมวิกฤตอาชญากรรมในวอชิงตัน ดี.ซี.

รัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอังคาร (19 ส.ค.) ว่า รัฐกำลังระดมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) ราว 160 นายไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ย้ำว่า อาชญากรรมและปัญหาคนไร้บ้านในเมืองหลวงของสหรัฐฯ นั้นร้ายแรงเกินการควบคุม

สถานการณ์ล่าสุดดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาราว 1 สัปดาห์ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านอาชญากรรมในกรุงวอชิงตัน และระดมกำลังพลราว 800 นายจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของกรุงวอชิงตันในวันที่ 11 ส.ค.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย โอไฮโอ และเซาท์แคโรไลนาจากพรรครีพับลิกันให้คำมั่นว่า จะส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปยังกรุงวอชิงตัน ขณะที่เมื่อวันจันทร์ รัฐมิสซิสซิปปีและลุยเซียนาก็ประกาศว่าจะระดมกำลังไปยังกรุงวอชิงตันเช่นกัน

ทั้งนี้ กองกำลังซึ่งนำโดยรัฐเทนเนสซีคาดว่าจะเดินทางถึงกรุงวอชิงตันภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เมื่อถึงตอนนั้น จำนวนกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในกรุงวอชิงตันอาจมีมากถึง 2,000 นาย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเผชิญกระแสต่อต้านอย่างหนักจากพรรคเดโมแครต โดยลอรา เคลลี ผู้ว่าการรัฐแคนซัส ประธานสมาคมผู้ว่าการรัฐเดโมแครตได้เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ เวสต์เวอร์จิเนีย เซาท์แคโรไลนา มิสซิสซิปปี และรัฐอื่น ๆ ทุกแห่ง ปฏิเสธการใช้กำลังทหารเพื่อแรงจูงใจทางการเมืองที่อันตราย

เคลลีกล่าวว่า การระดมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปยังเขตอำนาจศาลอื่นโดยปราศจากคำร้องและการยินยอมจากผู้ว่าการรัฐฯ หรือในกรณีนี้ จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นการบ่อนทำลายพันธกิจของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ สิ้นเปลืองทรัพยากรที่ควรนำไปใช้กับเหตุฉุกเฉินจริง และที่เลวร้ายที่สุดคือยิ่งทำให้ความแตกแยกที่คุกคามสหรัฐฯ อยู่แล้วทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)