
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า กรณีที่กองทัพเรือเก็บโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีข้อมูลคลิปการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ได้นั้น ฝ่ายไทยจะดำเนินการสองอย่าง โดยจะเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าในห้วงเวลาดังกล่าว แม้รัฐบาลกัมพูชาจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิงก็ตาม แต่กำลังพลหน้างานในพื้นที่ยังปฏิบัติการยั่วยุ ฝ่าฝืน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
“หากกัมพูชามีความจริงใจ ก็แสดงว่าทหารเขาไม่มีวินัย ซึ่งตอนนี้ ขอมองอย่างนั้นก่อน แต่หากพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาล (กัมพูชา) ไม่มีความจริงใจ ก็จะต้องว่ากันอีกที” พล.อ.ณัฐพล ระบุ
ส่วนอีกทางหนึ่ง จะเสนอให้คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวาที่ควบคุมเรื่องทุ่นระเบิด ซึ่งมีคณะกรรมการใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา และเรามีผู้แทนถาวรจากกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่นั่น ก็จะทำหน้าที่คอยติดตามอยู่ โดยจะมีการประชุมประมาณช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ ซึ่งรับทราบจากกระทรวงการต่างประเทศว่า คณะกรรมการใหญ่ได้ขอหลักฐานเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ ฉะนั้นเราก็จะส่งหลักฐานไปประกอบ
รวมถึงการส่งหลักฐานคลิปวิดีโอดังกล่าว ไปให้กับประเทศที่สนับสนุนงบประมาณประเทศกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย เพื่อตัดความช่วยเหลือด้านงบประมาณ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว ส่วนการตัดสินใจหรือการตกลงใจในแต่ละประเทศ ต้องรอฟังให้ชัด แต่มั่นใจว่าข้อมูลของไทยมีความน่าเชื่อถือ เพราะความจริงไม่สามารถบิดเบือนได้อยู่แล้ว
ขณะที่กลไกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชานั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า พยายามพูดคุยด้วยข้อมูลข่าวสาร สภาพสังคม สภาพแวดล้อม เชื่อว่าน่าจะกดดันฝ่ายกัมพูชาได้มากพอสมควร และในการประชุม GBC รอบหน้า ฝ่ายไทยจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารืออีกครั้งในเรื่องกับดักทุ่นระเบิด
รักษาการ รมว.กลาโหม กล่าวว่า สิ่งที่กลไก GBC และ ศบ.ทก. มีนโยบายคือการใช้กลไกของศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุนระเบิดด้านมนุษยธรรม (ARMAC) ที่เป็นกลไกของอาเซียนจัดการ ส่วนประเทศอื่น ถ้าจะมาก็ขอให้เป็นลักษณะของการบริจาค หรือ สนับสนุนเครื่องมือ เราจะไม่เอากำลังจากนอกภูมิภาคอาเซียนมา และในบทบาทของเราจะเน้นในเรื่องทวิภาคี ส่วนถ้าเป็นพหุภาคีอื่น ๆ ก็ขอให้อยู่ในประเทศอาเซียน
ส่วนกรณี ARMAC ที่มีประธานเป็นชาวกัมพูชา จะมีปัญหาเรื่องความร่วมมือหรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะประเทศกัมพูชาเป็นประธาน แต่ยังมีอีก 9-10 ประเทศสมาชิกเป็นชาติอื่น ประธานชาวกัมพูชาคงไม่สามารถมาควบคุม ARMAC ได้ทั้งหมด การสู้ด้วยความจริง ด้วยกฎหมาย และด้วยความถูกต้อง อาจจะยาก แต่ยั่งยืน
“เราต้องทำให้ทั่วโลกเห็นว่า อาเซียนเราดูแลกันเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เน้นย้ำกับหน่วยปฎิบัติต่าง ๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การทหาร แต่รวมทั้งความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวิทยา ดังนั้นต้องดูทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องการทหารอย่างเดียว และขณะนี้ สบายใจแล้วเรื่องทหาร เพราะมั่นใจในความพร้อมของกองทัพว่าพร้อมตลอดเวลา ดังนั้นไม่ต้องกังวล” รักษาการ รมว.กลาโหม ระบุ
ส่วนที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะที่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน +3 และเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ จะสามารถเข้ามาร่วมช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้หรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก่อนการประชุม GBC ได้พบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ก็ยืนยันกับตนว่า จีนและสหรัฐฯ ขอเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์
พร้อมระบุว่า หลักของตน คือ ขอแก้ปัญหาด้วยกลไกทวิภาคีเป็นลำดับแรก และขอให้ประเทศอื่นเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว ฝ่ายความมั่นคงของเรายึดนโยบายสมดุลมาโดยตลอด และเป็นนโยบายที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะตราบใดที่เรายอมรับให้ประเทศหนึ่งเข้ามา ก็จะมีประเทศอื่น ๆ เสนอเข้ามาอีก ซึ่งจะกลายเป็นความยุ่งเหยิง
ส่วนกรณีที่กัมพูชาอ้างว่า คลิปวางระเบิดทุ่นระเบิดที่ออกมา เป็นการจัดฉากของฝ่ายไทยนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตราบใดก็ตามที่เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง เครดิตจะเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ
“ตราบใดที่เรายึดหลักข้อเท็จจริง แม้อาจจะช้าไปบ้าง แต่เราต้องตรวจสอบ เราไม่สามารถสวนได้ทันที แต่ถ้าเป็นเฟกนิวส์ เราสวนกลับได้หมด…ดังนั้นหลักของ ศบ.ทก. คือ การยึดถือความจริงไปสู้กับเฟกนิวส์ ตามที่สื่อได้เห็น “Peace come from Truth” หรือ สันติสุขมาจากความจริง” พล.อ.ณัฐพล ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)