
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในกรีซ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก กำลังทำให้ชาวกรีกหมดสิทธิ์ที่จะไปเที่ยวพักผ่อนตามชายหาดและเกาะต่าง ๆ แม้จะอยู่ในประเทศของตนเอง เนื่องจากค่าใช้จ่ายแพงเกินไป
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน (The Guardian) ของอังกฤษ ได้สัมภาษณ์ชาวกรีกรายหนึ่งในกรุงเอเธนส์ ซึ่งเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “เรา (กรีซ) ก็คือเมืองไทยแห่งยุโรป เราทำหน้าที่บริการนักท่องเที่ยว … ในขณะที่ชาวต่างชาติมาใช้ชีวิตในฝันที่กรีซ แต่เรากลับต้องเจอกับปัญหาสารพัด ใครจะอยากไปเที่ยวพักผ่อน เมื่อรู้ว่าค่าไฟ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กำลังจะขึ้นอีก ตอนนี้คนก็น่าจะเริ่มตาสว่างแล้วว่า คนกรีกอย่างเราต่างหากที่เป็นฝ่ายแพ้ เพราะแม้แต่จะหยุดพักสักอาทิตย์ก็ยังไม่มีปัญญา”
ความคิดเห็นดังกล่าวสอดรับกับผลการศึกษาจากสหภาพผู้บริโภคกรีซ (EKKE) ซึ่งพบว่า ชาวกรีก 1 ใน 2 คน จะไม่ไปเที่ยวพักร้อนในปีนี้ ขณะที่รายงานของสำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) ก็พบว่า ในปีที่แล้ว ชาวกรีก 46% ไม่มีเงินพอจะไปพักร้อนได้นานหนึ่งสัปดาห์ นับเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของชาติอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป (EU) ถึง 19%
ปี 2568 ได้กลายเป็นปีที่ชาวกรีกหลายคนต้องตัดใจเลิกไปเที่ยวพักร้อนที่ชายหาด โดยความสุขในการเที่ยวช่วงซัมเมอร์ที่เคยอยู่ในบทเพลง บทกวี และภาพยนตร์ ต้องพ่ายแพ้ให้กับความจริงที่ว่าพวกเขาหาเงินแทบไม่พอกินในแต่ละเดือน จากเดิมเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วที่ชาวกรีกลาพักร้อนไปเที่ยวกันได้มากถึง 20-30 วัน แต่ทุกวันนี้อาจจะไม่ถึงสัปดาห์แล้ว เพราะทุกอย่างแพงเกินไป เช่น ค่าตั๋วเรือ ค่าโรงแรม ค่าอาหาร เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่ไม่ได้ขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ กรีซมีนักท่องเที่ยวมากถึง 36 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นเกือบ 4 เท่าของจำนวนประชากรทั้งหมด ทำให้กรีซกลายเป็นหนึ่งใน 10 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก โดยภาคการท่องเที่ยวสร้างรายได้กว่า 2.17 หมื่นล้านยูโรในปี 2567
อย่างไรก็ดี แม้การท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจกรีซ และสร้างงานอย่างน้อย 1 ใน 5 ตำแหน่ง แต่ความสำเร็จนี้ก็ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับค่าแรงที่คงที่ และอัตราเงินเฟ้อที่แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ทำให้ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับบางคนแล้ว การไปเที่ยวต่างประเทศกลับมีราคาถูกกว่าเที่ยวในกรีซเสียอีก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)