
กลุ่ม KTIS เผยรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 (เม.ย.-มิ.ย. 68) จำนวน 6,039.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 374.8 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 3/67 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 133.6 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกจากรายได้สายธุรกิจน้ำตาลทรายและธุรกิจเยื่อกระดาษจากชานอ้อยที่เพิ่มขึ้น แย้มไตรมาสที่ 4/68 จะส่งมอบน้ำตาลทรายที่เหลืออีกล็อตใหญ่ อีกทั้งมีเชื้อเพลิงชีวมวลที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน หนุนผลการดำเนินงานดีต่อเนื่องถึงปีหน้า โดยคาดว่าผลผลิตอ้อยปี 68/69 จะสูงกว่าปี 67/68 อย่างมีนัยสำคัญ
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ. เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น [KTIS] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 (เม.ย.-มิ.ย. 68) บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,039.3 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 8.1% และมีกำไรสุทธิ 374.8 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 180.6%
ทั้งนี้ สายธุรกิจน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้น 4.4% YoY จากปริมาณการขายน้ำตาลทรายและกากน้ำตาลเพิ่มขึ้น สายธุรกิจเยื่อกระดาษจากชานอ้อย รายได้เพิ่มขึ้น 1.7% YoY จากปริมาณการขายเยื่อกระดาษที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้จากการขายและการให้บริการอื่นๆ เช่น ขายปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ก็เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนiรายได้จากธุรกิจเอทานอลและธุรกิจไฟฟ้าลดลง 36.5% และ 19.1%ตามลำดับ
“ปริมาณผลผลิตอ้อยปี 67/68 ที่สูงกว่าปี 66/67 ทำให้มีวัตถุดิบเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวลก็จะมีเชื้อเพลิงที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ยาวนานกว่าปีก่อน โดยคาดว่าจะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 ก่อนจะมีการหยุดพักเพื่อซ่อมบำรุง”
นอกจากนี้ ยังมีปริมาณน้ำตาลทรายที่รอการขายและส่งมอบในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2568 อีกประมาณ 2.4 แสนตัน ที่จะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4/68 ยังคงเติบโตต่อไปได้
สำหรับฤดูการผลิตปี 2568/69 ที่จะเปิดหีบอ้อยในปลายปี 2568 ก็เชื่อว่า จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่มากกว่าปี 67/68 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปริมาณฝนที่ดี และการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อย ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS เติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2569
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 68)