
สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กล่าวระหว่างการเยือนรัสเซียในวันพุธ (20 ส.ค.) ว่า อินเดียและรัสเซียกำลังพิจารณาเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีต่อปีราว 50% ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า สู่ระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าทั้งสองประเทศต้องลดภาษีศุลกากรและลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
รมว.ต่างประเทศอินเดียมีกำหนดเยือนมอสโกเป็นเวลาสามวัน เพื่อเข้าร่วมการเจรจาทวิภาคีประจำปี ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปูทางให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เดินทางเยือนอินเดียในช่วงปลายปีนี้
ชัยศังกระกล่าวระหว่างการประชุมธุรกิจอินเดีย-รัสเซียว่า “เราทุกคนตระหนักดีว่า เรากำลังประชุมกันท่ามกลางสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน ผู้นำของเรายังคงปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ”
นอกจากนี้ ชัยศังกระยังเสนอให้อินเดียและรัสเซียร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อกระจายการค้า ส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทของทั้งสองประเทศ และพบปะหารือกันให้บ่อยขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเรื่องระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้กล่าวยกย่องปธน.ปูตินว่าเป็น “มิตร” หลังสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำรัสเซียในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน อินเดียกำลังเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับจีน โดยนายกฯ อินเดียมีกำหนดเดินทางเยือนจีนในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
อินเดียกำลังพยายามยกระดับความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS อันประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรและการคุกคามทางการค้าจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์อินเดียที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวช่วยให้ปูตินมีเงินทุนทำสงครามกับยูเครน โดยทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตรา 25% และขู่ว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในวันที่ 27 ส.ค.นี้
ด้านอินเดียโต้ว่าอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล พร้อมประกาศจุดยืนปกป้องสิทธิของตนเองในการซื้อน้ำมันจากแหล่งที่ถูกที่สุด โดยอินเดียสามารถซื้อน้ำมันจากรัสเซียได้ในราคาลดพิเศษ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมเงินเฟ้อภายในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 68)