โดย รัชดา คงขุนเทียน/กษมาพร กิตติสัมพันธ์

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้สั่งปิดการประชุม ก่อนที่จะมีการพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง (MOU) 43 และ 44 ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามผลักดันหลายครั้ง แต่ก็ยังไปไม่ถึงไหน เพราะสภาฯ ปิดประชุมก่อน โดยสัปดาห์หน้าจะเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง หลังจากที่ได้ยื่นญัตติด่วนไปแล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ
“สิ่งสำคัญคือ อยากให้สภาฯ เปิดพื้นที่ เปิดใจกว้าง รับฟังเสียงของผู้แทนราษฎรที่นำเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองเข้าสู่การถกเถียง ยิ่งทำได้เร็วก็ยิ่งดี เพราะนี่คือเรื่องของประเทศ ไม่ใช่การเล่นการเมือง…ถึงเวลาแล้ว ที่ไทยจะต้องหยิบยกขึ้นมาหารือใหม่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่ควรรอช้า” นายภราดร กล่าว
ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการสั่งปิดประชุมสภาฯ วานนี้ว่า ไม่คิดว่าจะเป็นเกมการเมือง เพราะนายไชยา เป็นคนมีเหตุมีผล มีความเห็นอิสระ เคร่งครัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจจะมีการเข้าใจผิดจริง ๆ เพราะเมื่อทำหน้าที่ตรงนั้นไม่มีเรื่องแล้วก็เห็นสมควรให้ปิด ไม่ใช่การรับคำสั่งให้ปิดประชุมสภา หากจะผิดพลาด ก็เป็นความเข้าใจผิด
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานสภาฯ ก็ต้องขออภัย และเห็นว่าในการประชุมครั้งหน้า ต้องแก้ไขในเรื่องนี้ให้ดียิ่งขึ้น เช่น กองการประชุมต้องประสานงานให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมได้ทราบทุกระยะ ทำให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนว่าต้องมีการประสานงานที่ชัดเจนจากวิปฝ่ายรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน
“ที่ทราบ คือ การประสานงานยังไม่มีความชัดเจน ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ก็ต้องมีการประชุมลับ ฉะนั้นขอให้วิปทั้งสองฝ่ายประสานงานกันอย่างชัดเจน สัปดาห์หน้า วันพฤหัสบดีก็สามารถเสนอเข้ามาได้ แต่ถ้าไม่ประสานงานกัน ก็น่าเสียดาย เพราะมองแล้วเป็นญัตติที่มีประโยชน์” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 68)