
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย รายงานในวันนี้ (27 ส.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี CPI เดือนก.ค.เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนมิ.ย.ที่ปรับตัวขึ้นเพียง 1.9% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3% ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังน้อยลงว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดสินค้าที่มีความผันผวนและไม่รวมต้นทุนการเดินทางในช่วงวันหยุด ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 3.2% ในเดือนก.ค. จากระดับ 2.5% ในเดือนมิ.ย.
การเปิดเผยดัชนี CPI มีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากคณะกรรมการ RBA เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนส.ค.เมื่อวานนี้ โดย RBA เน้นย้ำถึงการเปิดกว้างในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงตามที่ RBA คาดการณ์ไว้
ในการประชุมเมื่อวันที่ 11-12 ส.ค. คณะกรรมการ RBA มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.6% โดยระบุว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง และสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความซบเซาของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการค้าโลกอ่อนแอลง
อย่างไรก็ดี ตัวเลขดัชนี CPI ที่มีการเปิดเผยในวันนี้ทำให้เส้นทางนโยบายการเงินของ RBA มีความซับซ้อน เนื่องจากเงินเฟ้ออาจไม่ได้ชะลอตัวลงตามที่ RBA คาดการณ์ไว้ โดยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา RBA ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)