ก.ล.ต.ผนึก FETCO-ASCO-AIMC จ่อแถลงใหญ่เปิด “มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” 15 ก.ย.

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวภายหลังร่วมเวทีเสวนางาน Thailand Focus 2025 ว่า ก.ล.ต. เตรียมจัดงานแถลงข่าว “มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” วันที่ 15 ก.ย. 68 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ภายใต้ชื่อ คณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดทุนไทย ทั้งในส่วนของดีมานด์และซัพพลาย เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการทางภาษี และการดึงดูดบริษัทที่มีศักยภาพจากต่างประเทศให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทย

เลขาธิการ ก.ล.ต.ระบุว่า ตลาดทุนไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้านในช่วงปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตลาดทุนทั่วโลก ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่ง ก.ล.ต. เล็งเห็นปัญหาหลัก คือ ด้านสภาพคล่อง (Liquidity) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ ซึ่งต้องดูแลทั้งด้านซัพพลายและดีมานด์

โดยฝั่งของซัพพลาย คือการทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไทยมีคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมีมาตรการควบคุมกรณี Backdoor Listing หรือการกลับมาเทรดของ บจ. ซึ่งเราปรับเพิ่มเกณฑ์ให้เข้มงวดและเท่าเทียมกับหุ้น IPO รวมทั้งโครงการ Value Up หรือ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทย (ตลท.) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างมูลค่าให้กับ บจ.ไม่ว่าจะด้านธรรมาภิบาล หรือการปฏิบัติด้าน ESG และการสื่อสารแผนงานให้นักลงทุนทราบ

อีกส่วนที่ ก.ล.ต. ทำงานร่วมกับ ตลท. คือการปรับปรุงกระบวนการ IPO ให้กระชับขึ้น รวมทั้งการเปิดเผย COI (Conflict of interest) หรือการดึงบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในไทย ซึ่งจะมีการทำให้กระบวนการกระชับมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยขณะนี้มี ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและรอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการเป็น “พนักงานสอบสวนร่วม” ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินคดีมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะเข้ามาเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลและลงโทษ “สำนักสอบบัญชี” ได้โดยตรง จากเดิมที่กำกับดูแลได้เฉพาะผู้สอบบัญชีรายบุคคล ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานของผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบดูแล (Gatekeeper)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)