
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปีของ บมจ.บ้านปู [BANPU] ที่ระดับ “A+” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ”A+” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ด้วย
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานต้นน้ำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีขนาดการดำเนินงานที่ใหญ่และกว้างขวาง มีฐานลูกค้าที่มั่นคง และมีการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การกระจายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ไปสู่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนธุรกิจผลิตไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงานยังช่วยลดการพึ่งพาธุรกิจถ่านหิน และช่วยสนับสนุนกำไรในระยะยาวให้แก่บริษัทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีหนี้สินในระดับค่อนข้างสูง ตลอดจนความผันผวนของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจในตลาดไฟฟ้าเสรีที่มากขึ้น นอกจากนี้การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแนวโน้มของอุปสงค์ถ่านหินที่ลดลงในระยะยาวจากกระแสการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั่วโลกอีกด้วย
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่จำนวน 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ตลอดจนอุปสงค์ที่อ่อนแอ และปริมาณสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัท (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลขย้อนหลัง 12 เดือน) มาอยู่ที่ 4.4 เท่า เทียบกับระดับ 3.9 เท่า ณ สิ้นปี 2567
เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้ประกาศแผนการซื้อกิจการสินทรัพย์ก๊าซธรรมชาติของ Bedrock Production คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในภาพรวมนั้นการลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้โดยบริษัทจะมีการจัดหาเงินทุนบางส่วนจากการเพิ่มทุนจากนักลงทุนภายนอก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการซื้อกิจการดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาของ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีภาระหนี้รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนประกอบด้วยหนี้ที่มีหลักประกันมูลค่า 0.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่า 0.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของบริษัทย่อยต่าง ๆ ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 26.0%
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าการมีธุรกิจที่หลากหลายจะช่วยป้องกันบริษัทจากความเสี่ยงในด้านลบของธุรกิจถ่านหินซึ่งกำลังเผชิญกับแนวโน้มที่ซบเซามากยิ่งขึ้นในระยะยาวเนื่องจากการบริโภคพลังงานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากถ่านหินไปเป็นพลังงานประเภทอื่น ๆ
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการมีแนวทางในการดำเนินแผนการปรับโครงสร้างเงินทุนอย่างมีวินัยและการบริหารจัดการสภาพคล่องอย่างรอบคอบจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ในตลาดพลังงานได้ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานและรายจ่ายด้านการลงทุนของบริษัทจะสอดคล้องกับคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ระดับประมาณ 4 เท่าในช่วงประมาณการ
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังมีจำกัดในระยะใกล้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้อย่างมากซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ หากบริษัทมีการเพิ่มการลงทุนโดยใช้เงินกู้ที่ทำให้โครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตได้ด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)