
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินผลกำไรของภาคธุรกิจญี่ปุ่น โดยชี้ว่ากำไร “ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง” เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตรายอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนส.ค.ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ ทางสำนักงานคณะรัฐมนตรียังคงมุมมองโดยรวมว่าเศรษฐกิจภายในประเทศ “กำลังฟื้นตัวในระดับปานกลาง” โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในกลุ่มธุรกิจนอกภาคการผลิต
“ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลในบางส่วนแล้ว” ทางสำนักงานฯ ระบุ โดยได้ปรับลดการประเมินผลกำไรของบริษัทลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน พร้อมเสริมว่าควรเฝ้าติดตามผลกระทบที่อาจเกิดกับการลงทุนและการจ้างงานของภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว รายงานดังกล่าวเคยระบุว่า ผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ กำลังดีขึ้น แต่ “ต้องให้ความสนใจกับผลกระทบจากประเด็นทางการค้า”
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ตกลงกับสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนก.ค. ในเรื่องการเรียกเก็บภาษีรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ ที่นำเข้าสหรัฐฯ ในอัตรา 15%
ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. โดยที่ญี่ปุ่นไม่ได้รับการยกเว้นจากการเก็บภาษีทับซ้อน นั่นหมายความว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีในอัตราเฉพาะประเทศเพิ่มเติมจากภาษีที่มีอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากยอมรับว่าคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีที่เกี่ยวข้องมีความผิดพลาด รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าจะคืนภาษีส่วนเกินที่เรียกเก็บไปเนื่องจากความผิดพลาดดังกล่าวให้
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น ลดลงเหลือ 15% จากเดิม 27.5% แต่อัตราภาษีที่ลดลงนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใดก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
สำนักงานฯ ระบุว่าการส่งออก “แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง” ทำให้การประเมินยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเดือนก.ค. เช่นเดียวกับการประเมินการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ที่ยังคงเดิม แม้รายงานจะระบุว่า “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างเชื่องช้า” ก็ตาม
ทั้งนี้ ในบรรดาองค์ประกอบอื่น ๆ แล้ว ทางสำนักงานฯ ได้ปรับเพิ่มการประเมินการลงทุนภาครัฐขึ้น แต่ปรับลดการประเมินการก่อสร้างที่พักอาศัยลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)