ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 10 จุดหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ครม.ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ
เมื่อเวลา 15.42 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,238.98 จุด ลดลง 11.11 จุด (-0.89%)
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคดีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามคาด ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามที่บล.ทิสโก้ประเมินไว้ก่อนหน้า
หลังจากนี้สิ่งที่ต้องจับตาคือกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยหากมีการนัดโหวตเร็ว ในสัปดาห์หน้า คาดว่าพรรคเพื่อไทยยังได้เป็นแกนนำ และยังคงพรรคร่วมรัฐบาลไว้เหมือนเดิม แต่จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งมองว่าภาพนี้มีความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม หากมีการนัดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า มากกว่า 1 เดือน หรือมีการพลิกขั้วการเมืองก็จะไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย
มองว่า ตลาดหุ้นจะตอบสนองทางลบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง SET Index มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ ทดสอบแนวรับ 1,230 แต่หากการโหวตเลือกนายกฯ ไม่ราบรื่น (การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า) จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,200-1,220 ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,260-1,270 จุด
หุ้นที่คาดจะ Outperform ตลาดในระยะสั้น ได้แก่ หุ้นเชิงรับ ADVANC, CPALL, BDMS, BH, BCH, GPSC, GULF หุ้นปันผล EGCO, ICHI, MC, SCCC, BBL, SCB, KTB, TVO และหุ้นอิงตปท. (Global Plays) PTT, PTTEP, ITC, PRM, SJWD
ในเชิงกลยุทธ์ เรามองความผันผวนเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน อิงสถิติในอดีตการโหวตเลือกนายกฯ 4 ครั้งล่าสุดเมื่อมีความชัดเจน SET Index มักตอบสนองทางบวกด้วยการค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว +2.8% ถึง +4.4% ในช่วง 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 68)
