
นักลงทุนที่ชื่นชอบ “หุ้นปันผล(Stock Dividend )” มักมองหาบริษัทที่สามารถจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีความยั่งยืนในระยะยาว
โดยหุ้นที่ให้ปันผลไม่น้อยกว่า 5% ต่อเนื่องหลายปี มักจะมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีกระแสเงินสดที่เข้ามาอย่าง สม่ำเสมอ และสามารถคาดเดาได้ โดยเฉพาะ ธุรกิจที่มีรายได้ผูกกับสัญญา หรือเป็นกึ่งผูกขาด สัมปทาน ธุรกิจที่เกี่ยวกับ สาธารณูปโภค อาทิ ไฟฟ้า, โทรคมนาคม, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานบางประเภท และ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT )
2. ธุรกิจไม่ผันผวนตามวัฏจักรมาก ทำให้กำไรไม่ได้เหวี่ยงแรงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์หรือภาวะเศรษฐกิจ
3. มีนโยบายการจ่ายปันผลอยู่ในเกณฑ์สูง ในระดับ 40% หรือไม่ต่ำกว่า 40-80% ของกำไรสุทธิ
4. มีกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow : FCF) เหลือ
กระแสเงินสดที่กิจการเหลืออยู่จริงหลังจากนำกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow : OCF) มาหักด้วยค่าใช้จ่ายลงทุน (Capital Expenditures : CAPEX) ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจและการรักษาสินทรัพย์ถาวร เช่น อาคาร โรงงาน เครื่องจักร และยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้
5. หนี้สินไม่ตึงมือ โดยมีอัตรา Net Debt/EBITDA ต่ำถึงปานกลาง และมี Interest Coverage Ratio สูง
6. อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ดีและมีเสถียรภาพ โดยมี ระดับ ROE ไม่ต่ำกว่า 12% ต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน
7. มีเม็ดเงินลงทุน (Capex) ที่สามารถคาดการณ์ได้ โดยไม่มีโครงการลงทุนก้อนใหญ่ที่จะดูดเงินสดใน 1-3 ปีข้างหน้า
8. นโยบายปันผลชัดเจน บริษัทมีการประกาศเกณฑ์หรือกรอบการจ่าย และรักษาวินัยในการจ่ายต่อเนื่อง
9. มีธรรมาภิบาลและวินัยผู้บริหาร รวมถึงไม่มีการเพิ่มทุนบ่อยๆ ไม่มีรายการพิเศษมากระทบงบการเงิน
10. สภาพคล่องหุ้น (Liquidity) ที่ดีพอสมควร มีการกระจายผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่ในเกณฑ์ดี
หุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดจาก “การจ่ายเยอะ ๆ ชั่วครั้งชั่วคราว” แต่เกิดจากโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคง บริหารการเงินรอบคอบ และมีธรรมาภิบาลที่ดี จึงสามารถสะท้อนออกมาเป็น การจ่ายปันผลที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจึงควรมองที่ “คุณภาพธุรกิจ” ควบคู่กันเสมอ ไม่ใช่ดูแค่เปอร์เซ็นต์ของ Dividend Yield เพียงอย่างเดียว
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 68)