
หลังจากมีกระแสข่าวลือบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับอาการป่วยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะนับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. รวมทั้งภาพที่แสดงให้เห็นถึงรอยช้ำที่มือของเขา ล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวในวันอังคาร (2 ก.ย.) โดยได้ปฏิเสธกระแสข่าวบนโซเชียลมีเดียที่ว่าเขามีปัญหาสุขภาพ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ใช้เวลาในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์เนื่องในวันแรงงานไปกับการให้สัมภาษณ์สื่อและไปสนามกอล์ฟของเขาในรัฐเวอร์จิเนีย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาทราบเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นบนโลกโซเชียลหรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า “ผมทำกิจกรรมมากมายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์” พร้อมกับกล่าวว่า ข่าวที่ลือกันนั้นว่าเป็น “ข่าวปลอม”
กระแสข่าวลือเกี่ยวกับสุขภาพของปธน.ทรัมป์แพร่ไปทั่วแพลตฟอร์ม X ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหลายโพสต์อ้างถึงรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวยูเอสทูเดย์เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (28 ส.ค.) โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามแวนซ์ว่าเขาพร้อมที่จะรับหน้าที่ผู้นำประเทศหรือไม่ แวนซ์กล่าวว่าเขามั่นใจว่าทรัมป์ “มีสุขภาพที่ดี” แต่ก็กล่าวเป็นนัยว่าเขาพร้อมที่จะก้าวเข้ามาทำหน้าที่หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับประธานาธิบดี
ก่อนการพบเห็นครั้งสุดท้ายในวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะนับตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 26 ส.ค. ส่งผลให้สื่อโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยข่าวลือว่าเขาอาจเสียชีวิตแล้ว โดยคำค้นหาว่า “is Trump dead” และ “Trump dead” กลายเป็นคำค้นหายอดนิยมใน Google เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
การไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะของปธน.ทรัมป์ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเขา เนื่องจากมีรอยช้ำบนมือของเขาและอาการบวมที่ขาท่อนล่าง โดยภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าข้อเท้าของเขาบวมและมีเครื่องสำอางปกปิดบางส่วนของมือ
อย่างไรก็ดี ฌอน บาร์บาเบลลา แพทย์ประจำตัวของทรัมป์ระบุในจดหมายที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวว่า ผลการตรวจร่างกายยืนยันว่าอาการบวมที่ขาของปธน.ทรัมป์เกิดจาก “ภาวะหลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง” ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่อันตรายและพบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปี
ส่วนรอยช้ำที่มือของทรัมป์นั้น แพทย์ระบุว่าเกิดจากอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่ออ่อนเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการจับมือบ่อยครั้งและจากการใช้ยาแอสไพริน ซึ่งปธน.ทรัมป์ใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดมาตรฐาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ย. 68)