วิป 2 ฝ่าย ยังไม่เคาะวันโหวตนายกฯ รอหารือ “วันนอร์” หลังเพื่อไทยยื่นยุบสภาฯ

นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะประธานที่ประชุมหารือวิป 2 ฝ่าย กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากต้องรอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เคาะสรุปหากบรรจุระเบียบได้ภายในเวลา 16.30 น.วันนี้ จะสามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้อย่างเร็วสุด คือ วันที่ 5 ก.ย.ตามข้อบังคับ

ทั้งนี้ เหตุที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเดิมได้ชี้แจงว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้เสนอพระราชกฤษฏีกาเพื่อยุบสภา ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการธุรการเพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัยว่าอย่างไร เพื่อไม่เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ตนจึงขอที่ประชุมว่า อำนาจในการบรรจุระเบียบวาระ เป็นอำนาจของประธานสภาสภาผู้แทนราษฏร กรรมการชุดตนเป็นกรรมชุดที่หาข้อสรุปให้ประธาน และประธานสภาผู้แทนราษฏร จะลงจากบัลลังก์ในเวลา 16.30 น.

“ขอให้ได้ข้อชัดเจนวันนี้ เพื่อความสบายใจทุกฝ่ายว่าประธานจะมีความเห็นอย่างไรตามข้อบังคับ พวกผมเองไม่สามารถบรรจุระเบียบวาระได้ ทุกฝ่ายเสียงข้างมากเห็นว่าการก้าวล่วงพระราชอำนาจ เป็นเรื่องสำคัญของคนไทย จึงขอเวลาไม่นาน ผมยืนยันในที่ประชุมว่าประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรี บนพื้นฐานของความสง่างาม ไม่เกิดข้อครหานินทาภายหลัง คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีควรรอได้ ไม่กี่วัน สภาฯ ก็ทำหน้าที่ประชุมตามปกติต่อไป ไม่ใช่เป็นการถ่วงเวลา เป็นกระบวนการตามกฏหมาย” นายฉลาด กล่าว

นายฉลาด กล่าวถึงบรรยากาศในที่ประชุมว่า ในส่วนเสียงข้างมากก็อยากให้มีมติวันนี้ เพื่อเสนอต่อประธานสภาฯ ซึ่งหากเร็วสุดสามารถเรียกประชุมได้วันที่ 5 ก.ย.นี้ แต่ถ้าไม่ทันวันนี้ก็ยังมีเวลาอยู่ สามารถนัดประชุมได้ก่อน 1 วันเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม นายฉลาด กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการเสนอกันว่า นอกจากวันที่ 5 กันยายนแล้ว ก็ยังในช่วงอาทิตย์ถัดไปสามารถเรียกประชุมสภาฯ ได้ทุกวัน เพียงแต่ต้องแจ้งให้ สส.ทราบก่อนล่วงหน้า 1 วัน ซึ่งจะเป็นวันใดก็ได้

ด้านนายภราดร ปริศนานันกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตำหนิการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุม ซึ่งทำหน้าที่เข้าข้างพรรคการเมืองที่สังกัด

แต่ในที่ประชุมวิปทางพรรคเพื่อไทย ได้ยก 2 เหตุผล คือเรื่องวันประกาศพระบรมราชโองการ แต่งตั้งให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และภายหลังราชกิจจานุเบกษาประกาศลงวันที่ 30 ส.ค.68 ฉะนั้นข้อสงสัยว่าจะเกิดปัญหากับคำวินิจฉัยหรือไม่ จึงไม่สมควรที่จะเป็นข้อสงสัยอีกต่อไป แต่ทางพรรคเพื่อไทย ได้รวบรวม 20 รายชื่อ สส. ประธานสภาฯ ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ และอ้างว่ายังอยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้ยังไม่สามารถเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ได้

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผล เรื่องการยุบสภา ซึ่งตนเห็นว่าการประกาศยุบสภาต่อสาธารณะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควร และไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง ในประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา ไม่เคยมีการประกาศยุบสภาต่อหน้าสาธารณะชน เพราะอำนาจยุบสภา เป็นอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์

“ผมก็เข้าตามตรอกออกตามประตู วันนี้ยื่นหนังสือ 24 ชม. หรือ 1 วันตามข้อบังคับ ประธานสภาฯ สามารถบรรจุระเบียบวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาฯ ได้มีการประชุมหารือกันได้ แต่ในที่ประชุมวิป ไม่มีข้อสรุป และได้นำข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย คือ พรรคภูมิใจไทยได้เสนอว่าให้เลือกนายกฯ วันที่ 5 ก.ย. และทางพรรคเพื่อไทยเสนอให้เลื่อนไปก่อน โดยไปแจ้งต่อประธานสภาฯ ซึ่งอำนาจในการบรรจุระเบียบวาระ เป็นอำนาจของประธานสภาฯ โดยแท้ ก็อยู่ที่ประธานสภาฯ ว่าจะให้ความสำคัญกับองค์กรนิติบัญญัติหรือไม่ จะเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่” นายภราดร กล่าว

ทั้งนี้ นายภราดร ยืนยันว่า ประธานสภาฯ สามารถบรรจุทันภายในสัปดาห์นี้ตามข้อบังคับ ซึ่งประธานสภาฯ สามารถบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ย. 68)