
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงข่าวขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ด้านหนึ่งมีข่าวออกมาว่าเตรียมเสนอแคนดิเดตนายก แต่กลับมีกระแสข่าวว่ายังดำเนินการในการยุบสภาอยู่
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการของฝั่งพรรคเพื่อไทยอาจมีความย้อนแย้งในตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ในพรรคเตรียมเสนอแคนดิเดตนายกฯ แต่กลับมีกระแสข่าวดำเนินการยุบสภาอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ตนต้องออกมาเรียกร้องจากนายภูมิธรรมว่าได้ยุติกระบวนการยุบสภาแล้วหรือไม่ อย่างไร เพราะได้ยินกระแสว่าเตรียมนำความเห็นประกอบเพิ่มเติมเสนอไปยังสำนักองค์มนตรี จึงอยากได้ความชัดเจน
“พรรคเพื่อไทยมีความย้อนแย้งในตัวเอง ผมจึงต้องเรียกร้องขอความชัดเจนจากคุณภูมิธรรมว่า ตกลงได้ยุติเรื่องการยุบสภาแล้วหรือไม่ อย่างไร” นายณัฐพงษ์ กล่าว
สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.ย.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการโหวตนายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้ว และพรรคเพื่อไทยก็มีมติเสนอแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ แต่กลับมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมไปยังสำนักองคมนตรีเพื่อยืนยันการทูลเกล้าฯ ยุบสภา
พรรคประชาชน มีจุดยืนแน่วแน่ว่าฝ่ายบริหารมีอำนาจเต็มในการยุบสภา จึงขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรมว่า กระบวนการยุบสภาได้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ หากกระบวนการยังดำเนินอยู่ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เห็นว่าประธานสภาฯ ควรทบทวนการบรรจุญัตติการโหวตนายกฯ จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องยุบสภา แต่หากรัฐบาลยืนยันว่ากระบวนการสิ้นสุดแล้ว สภาผู้แทนราษฎรก็จะได้ดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า แม้กระบวนการยุบสภายังไม่จบ แต่มติของพรรคที่จะสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ประเมินฉากทัศน์รอบด้าน ยันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของประเทศ
นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า หลังจากที่พรรคตัดสินใจโหวตให้กับนายอนุทิน ส่งผลให้ผู้สนับสนุนของพรรคบางส่วนไม่สบายใจ ซึ่งทางพรรคเข้าใจดี แต่ก่อนเป็นมติผู้บริหารพรรคก็ได้รับฟังเสียงของพรรคอย่างรอบด้านแล้ว ซึ่งผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และการดำเนินงานหลังจากนี้ที่จะทำให้ความนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้นเป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการต่อ ถ้าหากพรรคสามารถกำกับทิศทางไปสู่ตามข้อตกลงที่ได้เซ็นลงนามกับพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่า ทุกคนจะเข้าใจดี
ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ วิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคประชาชนถูกหลอกได้เนียนที่สุดตั้งแต่มีการเมืองมา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่แต่ละคนประเมินได้ว่า ถูกหลอกหรือไม่ถูกหลอกอย่างไร แต่เราได้ประเมินฉากทัศน์มาอย่างรอบด้าน ซึ่งข้อเสนอของพรรคได้ประเมินสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด และทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของประเทศ ไม่ใช่สำหรับพรรคประชาชน
อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ยังไม่มองไปถึงการเลือกตั้งรอบหน้าว่า จะมีการจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ การเดินหน้าสู่การยุบสภาพร้อมกับแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากนั้นบอกได้หน้าตารัฐบาลใหม่เป็นอย่างไร
“เราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง และเป้าหมายของพรรคคือได้เสียงข้างมากในสภาฯ อย่างไรก็ดี สามารถเป็นฝ่ายค้านมาโดยตลอด ไม่ได้เตรียมว่าจะร่วมกับใคร ไม่ร่วมกับใคร ไม่ว่าเป็นพรรคใดก็อยากให้ทำหน้าที่เต็มที่”
จี้ถอนแจ้งความ “ภูมิธรรม” ไม่เห็นด้วยใช้นิติสงคราม
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ได้แสดงความไม่เห็นด้วย กรณีที่มีพรรคการเมืองแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาต่อนายภูมิธรรม กรณีการทูลเกล้าฯ ยุบสภา และได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองดังกล่าวดำเนินการถอนคำกล่าวโทษ เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าหาทางออกให้ประเทศ โดยไม่มีการใช้กฎหมายทำลายล้างกันทางการเมืองหรือที่เรียกว่านิติสงคราม ไม่ว่าต่อฝ่ายใดก็ตาม
พรรคประชาชน ยืนยันไม่เห็นด้วยนิติสงคราม ไม่เห็นด้วยใครมีอำนาจ แล้วใช้อำนาจมาเล่นงานคู่ขัดแย้ง หรือฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถ้าเกิดกรณีแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือใครก็ตาม ที่พรรคประชาชนได้ยืนยันในมติไปแล้วว่า จะเลือกนายอนุทิน พรรคก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เพราะฉะนั้นตนในฐานะหัวหน้าพรรคได้ส่งสัญญาณว่า ไม่เห็นด้วยที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีนายภูมิธรรมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พรรคประชาชนจะถูกมองเป็นนั่งร้าน ให้พรรคภูมิใจไทยทำนิติสงครามหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นนั่งร้านหรือไม่ อยู่ที่การแสดงออก การใช้เสียงในสภาที่เรามี การที่เราไม่เห็นด้วยการดำเนินคดีกับนายภูมิธรรมและเรียกร้องให้ถอนแจ้งความก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการแสดงออก ในการใช้เสียงของพรรคในการกำกับทิศทางรัฐบาลเสียงข้างน้อย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)