เอ็กซอนโมบิลจ่อโละโรงงานเคมีในยุโรป พิษกำแพงภาษีสหรัฐฯ-สินค้าจีนตีตลาด

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานวันนี้ (4 ก.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า เอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแผนที่จะขายโรงงานเคมีภัณฑ์ในสหราชอาณาจักร (UK) และเบลเยียม หลังภาคอุตสาหกรรมโดยรวมกำลังบอบช้ำอย่างหนักจากผลพวงของกำแพงภาษีสหรัฐฯ และการแข่งขันที่รุนแรงจากสินค้าจีน

รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เอ็กซอนได้เริ่มหารือกับคณะที่ปรึกษาถึงความเป็นไปได้ในการขายสินทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันระลอกใหม่ที่อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ของยุโรปกำลังเผชิญ โดยกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับการค้าโลก ทำให้คำสั่งซื้อชะงักงัน ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้นจากสินค้านำเข้าราคาถูกของเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวดีจากวิกฤตพลังงานเมื่อปี 2565

สำหรับโรงงานของเอ็กซอนที่เข้าข่ายการขายครั้งนี้ ประกอบด้วยโรงงานเอทิลีนในเมืองไฟฟ์ (Fife) ของสกอตแลนด์ และโรงงานผลิตอีกหลายแห่งในเบลเยียม โดยรายงานยังระบุด้วยว่า บริษัทเคยพิจารณาถึงขั้นปิดกิจการโรงงานเหล่านี้ไปเลยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวยังไม่มีความแน่นอน และมีความเป็นไปได้ที่เอ็กซอนจะตัดสินใจถือครองสินทรัพย์เหล่านี้ต่อไป ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของบริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่รายอื่น เช่น ไลอันเดลบาเซล (LyondellBasell) และซาบิก (Sabic) ที่ต่างก็กำลังลดขนาดการดำเนินงานในยุโรปลงเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เอ็กซอนเพิ่งบรรลุข้อตกลงเจรจาแต่เพียงผู้เดียวกับนอร์ธ แอตแลนติก (North Atlantic) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทพลังงานจากแคนาดา เพื่อขายหุ้นส่วนใหญ่ในเอสโซ่ (Esso) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในฝรั่งเศส

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)

ข่าวล่าสุด