
ปาร์ค ยง-กัป ส.ส.จากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เปิดเผยข้อมูลจากคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์เกาหลี (REB) ว่า จำนวนบ้านที่ชาวต่างชาติถือครองในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ในช่วงรัฐบาลชุดก่อน แม้จะประกาศนโยบายจำกัดการซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรก็ตาม
ส.ส.ปาร์คระบุว่า รัฐบาลชุดก่อนเคยระบุว่า การจำกัดการเก็งกำไรบ้านของต่างชาติเป็นนโยบายสำคัญ แต่ความเป็นจริงชาวต่างชาติก็ยังซื้อบ้านได้ง่าย พร้อมเสนอให้เกาหลีใต้พิจารณามาตรการเข้มงวดเช่นเดียวกับแคนาดาและออสเตรเลีย
ข้อมูลจาก REB ระบุว่า ณ สิ้นปี 2567 ชาวต่างชาติถือครองบ้านทั้งหมด 99,830 ยูนิต เพิ่มขึ้นจาก 82,666 ยูนิตในปี 2565 คิดเป็นการเติบโต 20.7% ในช่วงสองปีของสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดียุน ซุก-ยอล
เมื่อแยกตามสัญชาติ บ้านที่ชาวจีนถือครองยังคงครองสัดส่วนสูงสุดและเติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 24.6% แตะ 59,722 ยูนิต รองลงมาคือชาวอเมริกัน 20,036 ยูนิต เพิ่มขึ้น 2,145 ยูนิต ส่วนชาวเวียดนามอยู่ที่ 1,592 ยูนิต เพิ่มขึ้น 647 ยูนิต และชาวแคนาดา 5,341 ยูนิต เพิ่มขึ้น 482 ยูนิต
ในช่วงเดียวกัน จำนวนบ้านมูลค่ามากกว่า 1.2 พันล้านวอน (ราว 862,700 ดอลลาร์สหรัฐ) ที่ถูกต่างชาติซื้อนั้น อยู่ที่ 546 ยูนิต
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ได้ออกมาตรการชุดใหม่เมื่อเดือนที่ผ่านมา กำหนดให้บุคคล นิติบุคคล และรัฐบาลต่างชาติ ต้องขออนุญาตล่วงหน้าจากหน่วยงานท้องถิ่นตามกฎหมายรายงานการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ หากทำสัญญาโดยไม่ได้รับอนุมัติ สัญญานั้นถือเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังกำหนดให้ผู้ซื้อต่างชาติต้องย้ายเข้าอยู่อาศัยภายใน 4 เดือน และพักอาศัยไม่น้อยกว่า 2 ปี หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับ พร้อมทั้งหากพบการลงทุนต่างประเทศที่น่าสงสัย จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยข่าวกรองการเงิน เพื่อตรวจสอบตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)