FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ร้อนแรง” รับ FundFlow ไหลเข้า-แนวโน้มศก.ไทยฟื้น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนส.ค. 68 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ส.ค. 68) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 120.22 นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด

รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมา คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนส.ค. 68 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ย. 68) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ที่ระดับ 120.22
  • กลุ่มนักลงทุนบุคคลอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ และนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”

  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ

ผลสำรวจ ณ เดือนส.ค.68 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 11.0% อยู่ที่ระดับ 96.55 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 67.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 6.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 100.00% อยู่ที่ระดับ 133.33

ตลอดเดือนส.ค. 68 ดัชนี SET เคลื่อนไหวภายใต้แรงกดดันทั้งจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย—กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะจากกรณีคลิปเสียงหลุดกับฮุน เซนของกัมพูชา

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหนุนจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดย SET Index ณ สิ้นเดือนส.ค. 68 ปิดที่ 1,236.61 ปรับตัวลดลง 0.46% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนส.ค. 68 อยู่ที่ 50,672 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 21,816 ล้านบาท

โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 84,384 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินและการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และทิศทางการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังตกลงขยายเวลาชะลอภาษีไปอีก 90 วัน ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองไทยในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบาย การเบิกจ่ายงบประมาณ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ผลการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อ “คดีชั้น 14” ของนายทักษิณ ชินวัตร และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)