นักวิชาการมองศาลมะกันช่วยฟื้นการค้าเสรี “คนละครึ่ง”กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ทิศทางสงครามการค้าและภาษีทรัมป์กำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยอำนาจถ่วงดุลของกลไกตุลาการของสหรัฐฯ โดยศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 โดยผู้พิพากษาเสียงข้างมาก 7 คนจากองค์คณะ 11 คน มีคำตัดสินว่า การออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ และไม่ชอบด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ เท่ากับฝ่ายบริหารไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติในการตรากฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ถ้าศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ผลที่ตามมา คือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ จะถูกยกเลิกหมด

การอ้างอำนาจจากกฎหมาย International Emergency Economic Power Act of 1977 ทุกมาตรการตามคำสั่งประธานาธิบดีในการขึ้นภาษีจะถูกยกเลิกทั้งหมด ผู้นำเข้าที่เสียภาษีตามมาตรการขึ้นภาษีก่อนหน้านี้สามารถเรียกคืนภาษีจากรัฐบาลได้ มาตรการกีดกันการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯเมื่อถูกยกเลิกไปจะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลกส่งผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันจะสร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาต่อรองทางด้านการค้าและภาษีที่สหรัฐฯกำลังดำเนินการอยู่กับประเทศต่าง ๆ ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อย่างไรก็ตาม คาดว่า มาตรการกีดกันการค้า การขึ้นกำแพงภาษีจะยังไปต่อผ่านกลไกรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและฐานะการคลังของสหรัฐฯ แต่ประเมินว่าอัตราภาษีในการจัดเก็บอาจจะไม่สูงมากและกระบวนการในรัฐสภาต้องใช้เวลา หากจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจริง ๆ ผ่านการออกกฎหมายโดยรัฐสภาน่าจะเป็นปีหน้า นอกจากนี้ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าเสรีของโลกจากระบบ Rule-Based เป็น Deal-based อาจมีอุปสรรค ระบบการค้าเสรีแบบพหุภาคีอาจฟื้นตัวขึ้นจากกลไกการถ่วงดุลของศาลต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ

ผลของการยกเลิกกำแพงภาษีนำเข้าจะทำให้บริษัทนำเข้าสหรัฐฯ สามารถเรียกคืนภาษีได้ โดยยอดภาษีศุลากรที่เก็บได้จนถึงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนผู้บริโภคที่ต้องจ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ แพงจากอัตราภาษีที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็อาจไม่ได้รับการชดเชยแต่อย่างใด แต่น่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพต่ำลงในระยะต่อไป

กรณีที่รัฐบาลใหม่มีแนวคิดนำมาตรการคนละครึ่งมาใช้งานจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง สำรวจงานวิจัยที่เคยศึกษาและประเมินมาตรการคนละครึ่ง พบว่า ทุกๆ 1 บาทที่รัฐบาลจ่ายช่วยกระตุ้นหรือสร้างการบริโภคใหม่ได้ประมาณ 0.4 บาท ผลต่อการกระตุ้นภาคการบริโภคโดยภาพรวมไม่สูงนัก แต่ช่วยทำให้ยอดขายของร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญและพื้นที่ที่มีรายได้ต่ำได้ประโยชน์สูงสุด

สำรวจจากข้อมูลวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เคยทำไว้ช่วงรัฐบาลประยุทธ์ Digital Fiscal Stimulus and SMEs:difference-indifference evidence from Thailand’s half-and-half Program โดย อธิภัทร มุทิตาเจริญ พบว่า ข้อมูลเชิงประจักษ์บ่งชี้ว่า มาตรการคนละครึ่งช่วยดันยอดขายร้านค้ารายย่อยพุ่ง 174% และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ร้านค้าขนาดเล็กได้ประโยชน์สูงสุด โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า แต่ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมไม่สูงนัก เพราะคนส่วนใหญ่เพียงเปลี่ยนที่จ่าย ไม่ได้ใช้จ่ายเพิ่ม และลดการใช้จ่ายนอกโครงการ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น ความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคตดีขึ้น ความมั่นคงในงานดีขึ้น ปัจจัยความเชื่อมั่นเหล่านี้จะส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมีประสิทธิผลสูงขึ้นตามไปด้วย แม้รัฐบาลจะอยู่สั้นเพียง 4 เดือนแต่หากสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้ก็จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ โดยเริ่มต้นจากการสรรหาคณะรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในกระทรวงหรือหน่วยงานที่บริหาร มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 68)