ผู้ว่าฯ กทม.เผยสถานีสูบน้ำทุกแห่งพร้อมรับมือฝนตกหนักต่อเนื่อง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของสถานีสูบน้ำเอกมัยว่า สถานการณ์ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาพบว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯ มีฝนตกหนักกว่า 100 มม. วันศุกร์เกือบ 130 มม. และเมื่อคืนนี้ 157 มม. โดยตกหนักสุดที่เขตทวีวัฒนากว่า 150 มม. ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแค เป็นจุดน้ำท่วมขังบ่อยครั้งน้ำระบายได้แห้งเป็นปกติหมดแล้ว ส่วนซอยอ่อนนุช 59 น้ำแห้งประมาณ 02.00 น.ของเมื่อคืน ถนนรามคำแหงและถนนโชคชัย 4 น้ำแห้งหมดแล้ว ส่วนสุขุมวิท 71 เมื่อวานน้ำท่วมเกิดจากกระแสไฟฟ้าดับในวงกว้างจึงเกิดผลกระทบบริเวณดังกล่าว เพราะทุกสถานีสูบน้ำถึงแม้จะมีระบบกระแสไฟฟ้าสำรองแต่ก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่ากระแสไฟฟ้าปกติ

สำหรับประชาชนหากจุดใดน้ำยังไม่แห้งหรือเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมขังสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โทร. 02 248 5115 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ว่ษฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ที่สถานีสูบน้ำเอกมัย คลองแสนแสบ ซึ่งปัจจุบันได้แก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยระบบ Pipe Jacking หรือที่รู้จักกันในชื่อ “การดันลอดท่อ” และมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 6 ตัว มีกำลังสูบน้ำ 1.5 ลบ.เมตรต่อวินาที แต่เมื่อคืนทำงานหนักจนเสียไป 2 ตัว เนื่องจากแผงควบคุมไหม้จากการทำงานอย่างหนัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตามปกติ รวมถึงการเร่งพร่องน้ำในคลองทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับฝนที่จะตกหนัก

จากนั้น ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สถานีสูบน้ำพระโขนง เขตคลองเตย โดยมีนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สถานีสูบน้ำพระโขนงเป็นหัวใจหลักในการต่อสู้น้ำท่วมของ กทม. โดยรับน้ำมาจากคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองประเวศบุรีรมย์ และย่านลาดกระบัง น้ำจะไหลมารวมกันที่สถานีแห่งนี้เพื่อระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับตอนนี้ปัญหาที่พบ คือ ขยะจำนวนมากที่ไหลมาตามคลองจะมารวมกันที่ตะแกรงของสถานีสูบน้ำแห่งนี้ ซึ่งพบตั้งแต่ขวดน้ำพลาสติก เศษต้นไม้ แม้กระทั่งหมอนข้าง ฟูกเตียงนอน และเก้าอี้โซฟา จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าทิ้งขยะลงคลอง เพราะจะสร้างปัญหาในการระบายน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลง รวมถึงอาจทำให้เครื่องสูบน้ำเสียหายได้อีกด้วย

ในส่วนของการทำงานของอุโมงค์ระบายน้ำ ขณะนี้ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งอุโมงค์ระบายน้ำเปรียบเสมือนทางด่วนของน้ำ ที่ต้องมีจุดเข้าและจุดออก ระหว่างทางไม่สามารถรับน้ำเพิ่มได้แต่สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต่างกับระบบคลองที่เหมือนถนนปกติทั่วไปของน้ำ สามารถรับน้ำได้ตลอดเส้นทางแต่การระบายน้ำก็จะค่อนข้างช้า โดยทั้งสองระบบก็ต้องทำงานร่วมกันอย่างสมดุลเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ประจำสถานีสูบน้ำต่างๆ ก็ทำงานผลัดเปลี่ยนกันตลอด 24 ชั่วโมง และมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม โดยเป็นผู้ปิดทองหลังพระแก้ปัญหาน้ำท่วมให้คน กทม.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 68)