
นายปพน มนัสภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด (Brandname Money) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ แบรนด์เนมมันนี่ ดำเนินธุรกิจมาครบ 1 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทสามารถขยายพอร์ตการปล่อยสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่องเกินเป้าหมาย ล่าสุดสามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 200 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นสินเชื่อจำนำหรือขายฝากสินค้าแบรนด์เนม LUXURY วงเงิน 150 ล้านบาท ,สินเชื่อเช่าซื้อหรือผ่อนไป-ใช้ไปวงเงิน 30 ล้านบาท และสินเชื่อผ่อนจบ-รับของ วงเงิน 20 ล้านบาท
นายปพน กล่าวต่อว่า ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ได้จัดแคมเปญคืนกำไรให้ลูกค้าขายฝาก โดยลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0.50% (สำหรับเดือนแรก) และบริการย้ายค่าย (ย้ายการขายฝากจากที่เดิม มาฝากที่แบรนด์เนมมันนี่) โดยจะไถ่ถอนให้ฟรี หากลูกค้าต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงกว่าและเสียค่าปรับจากการผิดนัดชำระหนี้ในอัตราสูง หรือยอดที่ฝากไว้กับที่เดิมได้วงเงินต่ำต้องการเพิ่มวงเงินสภาพคล่อง สามารถย้ายมาขายฝากที่บริษัทได้ นอกจากนี้ยังบริการไปรับของถึงที่บ้านฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากทีมรับของที่มีมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์กันกระแทก และประกันภัยสินค้า
ทั้งนี้ ได้ทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองชั้นนำ โดยปัจจุบันมีพันธมิตรร้านค้าจำนวนมากกว่า 70 ร้านค้าทั่วประเทศที่ในออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ร้าน Bagnifique Brandname , SF Brandname, Clara Brandname ฯลฯ เพื่อกระตุ้นทั้งฝั่งคนขายและคนซื้อ ภายใต้ ecosystem ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
“ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คนจะนำแบรนด์เนมมาขายฝากเพิ่มมากขึ้น เพราะต้องการใช้เงิน ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน โดยเราเข้าถึงง่ายและรวดเร็วกว่าแหล่งเงินทุนอื่น ที่ต้องยื่นเอกสาร รอผลอนุมัติที่ต้องใช้เวลา แต่เราใช้เวลาพิจารณาสินเชื่อไม่ถึงชั่วโมง โอนเงินให้ได้เลย ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจดีขึ้น คนต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น หากต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนม เรามีบริการสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมทั้งของใหม่มือหนึ่งและมือสอง ขณะที่บริษัทมีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยพัฒนาระบบ Risk Management ของเราอยู่ตลอด ด้วยการอนุมัติที่รัดกุม ใช้เครดิตสกอร์ริ่ง และเกณฑ์พิจารณาสำหรับสินค้าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ และมีทีมงาน Collection ติดตามหนี้ มีทีมงานกฎหมายที่เข้มแข็ง”
สำหรับแผนงานระยะกลาง ตั้งแต่ปี 2569–2571 บริษัทตั้งเป้าปูพรมขยายสาขาและจุดรับขายฝากแบรนด์เนมทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาระบบ Credit Scoring และ AI Risk Model สำหรับสินค้าแบรนด์เนม LUXURY โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินกับลูกค้า และเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ โดยตั้งเป้าวงเงินปล่อยสินเชื่อแบรนด์เนมให้ถึง 1,000 ล้านบาท ภายปี 2571
โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์ จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญสินค้าแบรนด์เนม และมีความเข้าใจคนที่ใช้สินค้าแบรนด์เนมอย่างแท้จริง เพราะเราทราบดีว่า ของทุกชิ้นไม่ได้มีแค่ “มูลค่า” แต่ยังมี “คุณค่า” ทางจิตใจ ดังนั้นผู้ที่มีสินค้าแบรนด์เนม แต่มีความจำเป็นหรือต้องการใช้เงิน-ขาดสภาพคล่อง ขณะที่ไม่ต้องการเสียของรักไป เขาสามารถนำมาขายฝากกับแบรนด์เนมมันนี่ โดยเราจะประเมินให้สินเชื่อในราคาตลาด ไม่กดราคาและคิดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมไม่เอาเปรียบ ส่วนผู้ที่ต้องการมีสินค้าแบรนด์เนมไว้ในครอบครอง ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนอีกต่อไป สามารถใช้บริการสินเชื่อกับเราได้ ตามสโลแกนของแบรนด์เนมมันนี่คือ “ใครๆก็ใช้แบรนด์เนมได้”
ส่วนแผนระยะยาวนั้น ตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 จะระดมทุนกระจายขายหุ้น IPO และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน พร้อมเปิดโอกาสให้บริษัทในตลาดทุนร่วมลงทุน ซึ่งจากทิศทางธุรกิจของแบรนด์เนมมันนี่ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพื่อนำมาขยายพอร์ตขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการเงินเสนอวงเงินกู้ให้เรา และยังมีบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหุ้น สนใจเข้ามาขอร่วมทุนกับ แบรนด์เนมมันนี่หลายราย แต่ทางเรายังไม่ได้มีการเจรจาหรือตอบตกลงกับรายใด
“เราต้องการเลือกพาร์ทเนอร์ ที่มีความเข้าใจและมีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด เพราะเรามองไปไกลกว่าเพียงการปล่อยกู้ แต่เราอยากเป็นแหล่งเงินทุนหรือเป็นผู้สร้างสภาพคล่องทางการเงินให้กับคนรักแบรนด์เนมทั่วประเทศ ที่สำคัญแบรนด์เนมมันนี่ ต้องการสร้างสมดุลระหว่าง”การปล่อยกู้แบบไม่กดราคา” และ “เปิดโอกาสหรือเพิ่มการเข้าถึงแบรนด์เนมโดยไม่ต้องใช้เงินก้อน” สะท้อนวิสัยทัศน์ขององค์กรที่เชื่อว่า”ของทุกชิ้นไม่ได้มีแค่มูลค่าในตลาด แต่มีคุณค่าทางใจ เพราะเราเข้าใจเจ้าของแบรนด์เนมทุกคน และจะไม่ปล่อยให้ใครต้องเสียของรักไปโดยไม่จำเป็น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)