
บล.กรุงศรี มีมุมมอง Slightly Negative ต่อกลุ่มธนาคารจากประเด็นข่าวธนาคารระงับยอดเงินในบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในเส้นทางการเงินกับบัญชีม้า จากการยกระดับมาตรการปราบปรามบัญชีม้า ส่งผลกระทบต่อลูกค้าเป็นวงกว้าง เพราะเรามองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่ชัดเจนและไม่แม่นยำในการดำเนินงาน ส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่บริสุทธิ์ ทำให้ลูกค้าอาจขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร
ส่วนประเด็นการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing) เรามองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทาง ธปท. ออกร่างกลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย (Risk-Based Pricing) และการทดสอบใน Sandbox ในปี ค.ศ.2023 แล้ว
บล.กรุงศรี ระบุว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมามีประชาชนและผู้ประกอบการหลายรายเดือดร้อนหนัก จากมาตรการปราบปรามบัญชีม้าของทางการ โดยถูกธนาคารอายัดบัญชีธนาคารแบบไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด บางรายเงินติดลบและถูกอายัด ซึ่งกระบวนการปลดอายัด และชี้แจงข้อเท็จจริงค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบัญชีม้าใดๆ
ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงกระบวนการอายัดและการปลดอายัด ให้สามารถจัดการกับมิจฉาชีพและดูแลผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้บริการปกติรวมทั้งมีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการปลดอายัดบัญชีของผู้บริสุทธิ์
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมระหว่าง ดีอี, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ยืนยันว่ากรณีที่เป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียไม่ใช่
การอายัดบัญชี แต่เป็นการระงับวงเงินตามธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือเกี่ยวข้องบัญชีม้า
ทั้งนี้ ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ป้องกันภัยไซเบอร์ ได้เข้ามาช่วยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอก โดยอาศัยกลไกอำนาจไล่ตามเงินว่าไปอยู่ในบัญชีใดกลับมา ซึ่งเป็นการระงับยอดเงินนั้น ไม่ใช่การอายัดบัญชี โดยการระงับการทำธุรกรรมวงเงินชั่วคราว วงเงินจะถูกล็อก แต่อายัดเป็นกรณีเดียวคือ ตำรวจออกหมายอายัดเท่ากับว่าบัญชีจะถูกยุติการดำเนินการ
ประเด็น 2 ธปท. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และผู้แทนภาคการเงินจากสมาคมธนาคารไทย และผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย 3 แห่ง ได้ประชุมร่วมกันครั้งแรก (kick-off) เพื่อออกแบบกลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สมดุลกับความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing) โดยอิงกับ credit score ของลูกหนี้ จะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งปัจจุบันมีการพึ่งพาหนี้นอกระบบสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ อีกทั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างประวัติทางการเงินใน NCB ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้ได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่ดีขึ้นในอนาคตตามพฤติกรรมการชำระหนี้ ขณะเดียวกันลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีก็จะได้รับการเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงเช่นกัน ตามแนวทาง “เสี่ยงสูงกู้ได้เสี่ยงต่ำกู้ถูกลง”
ทั้งนี้ ในการหารือได้พิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ในการเริ่มดำเนินการ โดยในระยะต้นสามารถดำเนินการทดสอบใน Sandbox ก่อน เพื่อประเมินว่าผู้ให้บริการทางการเงินสามารถดำเนินการได้ตามหลักการข้างต้นได้จริงหรือไม่ ก่อนที่จะเปิดให้บริการเป็นการทั่วไป
ประเด็น 1 (บัญชีถูกระงับยอดเงินโยงบัญชีม้า)- เรามีมุมมอง Slightly Negative ต่อกลุ่มธนาคาร จากประเด็นข่าวธนาคารระงับยอดเงินในบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในเส้นทางการเงินกับบัญชีม้า จากการยกระดับมาตรการปราบปรามบัญชีม้า ส่งผลกระทบต่อลูกค้าเป็นวงกว้าง เพราะเรามองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความไม่ชัดเจนและไม่แม่นยำในการดำเนินงาน ส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่บริสุทธิ์ ทำให้ลูกค้าอาจขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร
สำหรับการแห่ถอนเงินของลูกค้าบางกลุ่ม เรามองว่าธนาคารไทยยังมีความแข็งแกร่ง จาก i) Liquidity Coverage Ratio (LCR) อยู่ระดับสูงที่ 135-277% มากกว่าขั้นต่ำที่ BOT กำหนดที่ 100% ii) Total Capital Ratio อยู่ระดับสูงที่ 18-22% มากกว่าขั้นต่ำและส่วนเพิ่มที่ BOT กำหนดที่ 12%
ประเด็น 2 (Risk-Based Pricing) เรามีมุมมอง Neutral ต่อกลุ่มธนาคาร และเงินทุนและหลักทรัพย์ จากประเด็นข่าวการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing) มองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ จากทาง ธปท.ออกร่างกลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย (Risk-Based Pricing) และการทดสอบใน Sandbox ในปี 2023 แล้ว โดยสินเชื่อที่เข้าทดสอบ คือ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (unsecured personal loan) และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (nana finance)
เราคงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL สำหรับกลุ่มธนาคารและคง KTB (BUY, TP 28 บ.)และ SCB (BUY, TP 145 บ.) เป็น Top Pick เราคงน้ำหนักการลงทุนเป็น BULLISH สำหรับกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์และคง MTC (BUY, TP 58 บ.) และ KTC (BUY, TP 40 บ.) เป็น Top Pick
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 68)