
รัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน เลอกอร์นู กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ (Fitch) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ในช่วงเวลาที่เลอร์กอร์นูเริ่มการเจรจาหารือเพื่อร่างงบประมาณ และในขณะที่สหภาพแรงงานเตรียมนัดหยุดงานประท้วงการลดค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับบรรดานายจ้างที่ขู่ว่าจะประท้วงการขึ้นภาษี
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) ฟิทช์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลงจากระดับ AA- มาอยู่ที่ A+ โดยระบุถึงภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสในขณะนี้อยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แต่งตั้งให้เลอกอร์นูเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในรอบ 2 ปีแห่งการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา
แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้แล้วว่า ฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของฟิทช์ถือเป็นจังหวะเวลาที่เลวร้ายสำหรับฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นการเพิ่มความซับซ้อนให้กับร่างงบประมาณประจำปี 2569 ฉบับแรกที่รัฐบาลจะเร่งนำเสนอต่อรัฐสภาภายในวันที่ 7 ต.ค. แต่การดำเนินการของฟิทช์อาจทำให้รัฐบาลของเลอกอร์นูต้องเลื่อนการยื่นงบประมาณออกไปจนถึงวันที่ 13 ต.ค.
ทั้งนี้ เลอกอร์นูเผชิญกับภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการลดการใช้จ่ายตามที่นักลงทุนเรียกร้อง ขณะเดียวกันก็ต้องเอาชนะใจกลุ่มการเมืองสามกลุ่มในสภาที่มีแนวคิดที่แตกต่างกันว่าจะลดงบประมาณได้อย่างไร
นอกจากนี้ เลอกอร์นูยังเผชิญกับแรงกดดันจากภาคประชาชน โดยสหภาพแรงงานได้เรียกร้องให้มีการผละงานประท้วงทั่วประเทศในวันพฤหัสบดีที่ 18 ก.ย. เพื่อคัดค้านแผนของเลอกอร์นูในการลดการขาดดุลงบประมาณ โดยฝรั่งเศสมียอดขาดดุลงบประมาณ 5.4% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนปีนี้ ซึ่งนับเป็นสัดส่วนสูงที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 68)