
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันนี้ (15 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ และจีนใกล้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับติ๊กต๊อก (TikTok) แล้ว ในขณะที่การเจรจาเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติได้เริ่มต้นขึ้นเป็นวันที่สองที่กรุงมาดริด หลังจากที่การหารือหกชั่วโมงในวันแรกเมื่อวันอาทิตย์สิ้นสุดลงโดยที่ไม่มีสัญญาณความคืบหน้าที่สำคัญ
เบสเซนต์เผยว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าเป็นอย่างดีในรายละเอียดทางเทคนิค แต่การบรรลุข้อตกลงในประเด็นอื่น ๆ ยังคงเป็นเรื่องท้าทาย ขณะเดียวกันก็กล่าวเสริมด้วยว่า แม้ข้อตกลงเรื่องการขายกิจการติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ จะไม่บรรลุผลในการเจรจาครั้งนี้ แต่เรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย
“คู่เจรจาฝ่ายจีนได้ยื่นข้อเรียกร้องที่แข็งกร้าวมาก” เบสเซนต์กล่าวเสริม “เราต้องรอดูว่าจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่ในขณะนี้ เราไม่เต็มใจที่จะสละความมั่นคงของชาติเพื่อแอปโซเชียลมีเดียแอปเดียว”
ด้านเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า ต่อให้ประเด็นติ๊กต๊อกจะตกลงกันได้ แต่ก็ยังอาจขึ้นอยู่กับการบรรลุข้อตกลงในประเด็นอื่น ๆ ด้วย
“ในมุมมองของฝ่ายจีน พวกเขามองว่าเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีหรือมาตรการอื่น ๆ ที่ใช้มานานหลายปี เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงติ๊กต๊อกที่อาจเกิดขึ้น” เกรียร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า การเจรจาที่มาดริด ซึ่งนับเป็นการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ครั้งที่สี่ในรอบสี่เดือน จะไม่เกิดความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการขยายเส้นตายการขายกิจการในสหรัฐฯ ของไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต๊อกในจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 17 ก.ย.
“ผมไม่คาดหวังว่าจะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมใด ๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เว้นแต่จะมีการประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างทรัมป์กับสี” วิลเลียม ไรน์ช ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการค้าของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในวอชิงตันกล่าว “การปูทางไปสู่การประชุมนั้นคือหัวใจสำคัญของการเจรจาครั้งนี้”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 68)