
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า สิ่งสำคัญในขณะนี้คือการเดินหน้าให้สอดคล้องกับบันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA) ทั้งการยุบสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพรรคการเมืองหลัก อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน เห็นพ้องตรงกันว่า สามารถแก้ไขหมวด 15 ได้ภายในกรอบเวลา 4 เดือน แม้เวลาจะกระชั้น แต่หากบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพก็ทำได้ทัน
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ที่ประชุม สส. พรรคจะหารือกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน เช่น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 ควรถูกบรรจุเข้าสู่สภาฯ ภายในสัปดาห์นี้ และควรพิจารณาแล้วเสร็จภายในสิ้นปี เพื่อให้ทันตามเป้าหมาย พร้อมย้ำว่า พรรคประชาชนจะใช้ 143 เสียงในสภาฯ ตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หากพบว่าดำเนินการไม่เป็นไปตาม MOA หรือมีการถ่วงเวลา
“ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เราใช้ 143 เสียงในสภาฯ กำกับรัฐบาลอนุทินให้ทำตาม MOA ที่ตกลงกัน ตอนนี้ทิศทางยังเป็นไปในทางที่ดีอยู่ แต่เมื่อไรก็ตามที่เห็นสัญญาณว่าจะบิดพลิ้ว หรือถ่วงเวลา ก็พร้อมใช้ทุกเสียงในการตรวจสอบรัฐบาลทันที” นายณัฐพงษ์กล่าว
สำหรับการโน้มน้าวเสียงเห็นชอบของ สว.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า โดยหลัก สว.มีเอกสิทธิ์ของตนเอง แต่ในทางการเมือง เชื่อว่า สาธารณชนก็พอจะมองได้ว่า ใครที่พอจะไปประสานงานกับ สว.ได้บ้าง เชื่อว่าทุกพรรคเห็นตรงกันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้แน่นอน ที่ผ่านมาจะเห็นว่า 2 ปี ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย กระบวนการเป็นไปได้ช้า แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและเป็นผลดี ประตูของการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกเปิดขึ้นแล้ว และมีทิศทางที่ดี
ส่วนจุดยืนเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า พรรคยังยึดหลักการตามเดิม แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด โดยยอมรับว่าอาจเกิดความเสี่ยงทางการเมือง แต่เชื่อว่าการเมืองยังมีทางออก และขึ้นอยู่กับเสียงประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 68)