
กลุ่มประเทศ G7 และสหภาพยุโรป (EU) กำลังหารือกันเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ รวมถึงแนวคิดในการกำหนดราคาขั้นต่ำของแร่หายาก เพื่อรับมือกับอิทธิพลของจีนในห่วงโซ่อุปทาน
จีนซึ่งครองสัดส่วนการผลิตและการแปรรูปแร่หายากมากกว่า 90% ของโลก ทำให้กลุ่มประเทศ G7 (ยกเว้นญี่ปุ่น) ต้องพึ่งพาการจัดหาจากจีนเกือบทั้งหมด โดยแร่หายากเหล่านี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม และการใช้งานด้านการทหาร ขณะที่ปัญหาความยากลำบากในการสกัดและต้นทุนการแปรรูปแร่หายากที่อยู่ในระดับสูงยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับประเทศตะวันตก
การหารือของผู้นำ G7 และ EU ที่ชิคาโกล่าสุดนั้น มุ่งเน้นไปที่การหาทางลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทาน โดยหนึ่งในประเด็นหลักคือการเพิ่มความเข้มงวดของกฎเกณฑ์การลงทุนจากต่างชาติในวัตถุดิบที่สำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บริษัทต่าง ๆ หันกลับไปพึ่งพาการจัดหาแร่หายากจากจีน และอีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือคือข้อจำกัดเชิงภูมิศาสตร์เพื่อจำกัดการจัดหาแร่หายากจากบางประเทศ แต่ยังมีผู้นำบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้
แนวคิดการกำหนดราคาขั้นต่ำที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลก็ถูกกล่าวถึงเช่นกัน โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่นำร่องเมื่อปลายเดือนก.ค. ขณะที่แคนาดามีท่าทีตอบรับในเชิงบวก และออสเตรเลียก็กำลังพิจารณาดำเนินการในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ การเจรจายังเปิดประเด็นถึงการเก็บภาษีคาร์บอนหรือการตั้งกำแพงภาษีต่อการส่งออกแร่หายากของจีน โดยพิจารณาจากการใช้พลังงานที่ไม่หมุนเวียนในกระบวนการผลิต
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากจีนเคยใช้อำนาจเกือบผูกขาดในช่วงที่เกิดสงครามการค้าโลก โดยออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กที่เกี่ยวข้อง แม้ต่อมาจีนจะกลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อความตึงเครียดทางการค้าลดลง แต่ผู้ผลิตในยุโรปจำนวนมากก็ยังคงเผชิญปัญหาขาดแคลนแร่หายาก และมีความเสี่ยงที่จะต้องหยุดการผลิตสินค้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)