
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศในวันพุธ (24 ก.ย.) ว่า ได้เริ่มการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติครั้งใหม่เกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ หุ่นยนต์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม
การสอบสวนตามมาตรา 232 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะก่อนหน้านี้ อาจถูกใช้เป็นพื้นฐานในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมต่อสินค้าการแพทย์และอุตสาหกรรมในวงกว้างซึ่งรวมถึงหน้ากากอนามัย เข็มฉีดยา เครื่องปั๊มสารน้ำ หุ่นยนต์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม เช่น ระบบกลไกที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และเครื่องปั๊มอัดขึ้นรูปอุตสาหกรรม
การสอบสวนดังกล่าวกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการคาดการณ์ความต้องการใช้หุ่นยนต์และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ความสามารถของการผลิตภายในประเทศในการตอบสนองต่อความต้องการ รวมถึงบทบาทของห่วงโซ่อุปทานจากต่างประเทศต่อความต้องการในสหรัฐฯ
มาตรการภาษีอาจครอบคลุมถึงหน้ากากผ่าตัด หน้ากาก N95 ถุงมือ เสื้อกาวน์ และอุปกรณ์การแพทย์-ศัลยกรรมอื่น ๆ เช่น ถุงน้ำเกลือ ผ้าก๊อซ/ผ้าพันแผล ไหมเย็บแผล รถเข็นผู้ป่วย ไม้ค้ำยัน และเตียงในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังต้องการข้อมูลจากบริษัทเกี่ยวกับการคาดการณ์ความต้องการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ความสามารถของการผลิตภายในประเทศในการตอบสนองความต้องการในสหรัฐฯ และบทบาทของห่วงโซ่อุปทานจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น จีน รวมถึงผลกระทบของเงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่างชาติและแนวทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
ขอบเขตของการสอบสวนยังครอบคลุมถึงเครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องปั๊มอินซูลิน ขดลวดหัวใจ ลิ้นหัวใจ เครื่องช่วยฟัง อวัยวะเทียม เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เครื่องมือจัดกระดูก เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และเครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
ในส่วนของยารักษาโรค รวมถึงยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ และโดรน จะถูกสอบสวนแยกตามมาตรา 232
การสอบสวนด้านหุ่นยนต์ยังรวมถึงเครื่องจักรกลสำหรับตัด เชื่อม และจัดการชิ้นงาน เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อหรือหม้อนึ่งแรงดัน และเตาอบอุตสาหกรรม รวมทั้งเครื่องมือและเครื่องจักรสำหรับการตัดด้วยเลเซอร์และน้ำ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังได้เปิดการสอบสวนอีกหลายรายการเกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติจากการนำเข้ากังหันลม เครื่องบิน เซมิคอนดักเตอร์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ โพลีซิลิคอน ทองแดง ไม้แปรรูป และแร่ธาตุสำคัญด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)