
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ [BPP] กล่าวว่า นอกจากการผลิตและส่งมอบพลังงานคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้แล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของเราคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืนด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เราใช้จุดแข็งจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ผสานกับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างคุณค่าทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ เช่น การนำนวัตกรรม Biomass Co-firing มาใช้ในโรงไฟฟ้า และการขยายระบบท่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ Decarbonization ที่เรายึดมั่นปฏิบัติในทุกประเทศที่ดำเนินงาน และเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 สามารถขายสิทธิ CEAs จากโรงไฟฟ้า CHPs ทั้ง 3 แห่ง ได้ประมาณ 258,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สร้างรายได้ 19 ล้านหยวน หรือราว 100 ล้านบาท ขณะที่โครงการ Biomass Co-firing ที่โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้ง เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลผสมกับเชื้อเพลิงหลักในอัตราส่วน 10% คาดว่าจะช่วยลด CO2 ได้ราว 70,000 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากการขายสิทธิ CEAs เพิ่มเติมในระยะถัดไป โดยตั้งเป้าหมายการขายสิทธิ CEAs ตลอดปี 2568 ที่ 290,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ขณะที่โรงไฟฟ้าโจวผิงและหลวนหนานยังอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ สำหรับโครงการขยายระบบท่อส่งไอน้ำของโรงไฟฟ้าโจวผิง ได้เริ่มก่อสร้างสายเหนือ (North Line) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีแผนขยายเพิ่มเติมในสายตะวันตกและสายตะวันออก (West & East Line) เพื่อส่งไอน้ำแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่ โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการลดการพึ่งพาโรงผลิตไอน้ำที่มีประสิทธิภาพต่ำและปล่อยคาร์บอนสูง พร้อมยกระดับคุณภาพอากาศ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างสมดุล เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกสายจะมีกำลังผลิตไอน้ำรวม 720,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มอีกกว่า 240 ล้านหยวนต่อปี หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท
“การต่อยอดธุรกิจในจีนสะท้อนความมุ่งมั่นของ BPP ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง นอกเหนือจากโครงการในจีนแล้ว บริษัทยังตอกย้ำกลยุทธ์ Decarbonization ผ่านการร่วมลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) ‘Cotton Cove’ ที่รัฐเท็กซัส ในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม COD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 ด้วยศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนเฉลี่ย 32,000 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี” นายอิศรา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)