
เบธ แฮมแมก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ในวันนี้ (29 ก.ย.) ว่า เฟดยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป เพื่อกดเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ที่เป้าหมาย 2% ให้ได้
แฮมแมกกล่าวว่า ตอนนี้เป็นช่วงที่ดำเนินนโยบายการเงินได้ยากมาก เพราะเฟดมี 2 ภารกิจสำคัญที่ต้องดูแลไปพร้อมกัน คือ ทั้งคุมเงินเฟ้อ และทำให้คนมีงานทำมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ทั้งสองเรื่องกำลังน่าเป็นห่วง
“เมื่อต้องเลือกว่าจะให้ความสำคัญกับอะไรก่อน ระหว่างสองเรื่องนี้ ฉันคิดว่าเราต้องเลือกคุมเงินเฟ้อให้ได้ก่อน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป”
ทั้งนี้ แฮมแมกเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนนโยบายการเงินแบบเข้มงวด หรือที่เรียกว่า “สายเหยี่ยว” แต่ในปีนี้เธอไม่มีสิทธิ์ออกเสียงลงมตินโยบาย เธอยังคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังสูงกว่าเป้าไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี
แฮมแมกกล่าวเสริมว่า “พอฉันเริ่มเห็นว่าราคาสินค้าในกลุ่มบริการ เช่น ค่าเบี้ยประกันต่าง ๆ เริ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมค่าที่อยู่อาศัย (super core inflation) มันทำให้ฉันคิดว่าปัญหาเงินเฟ้อครั้งนี้อาจจะไม่ได้มาจากเรื่องกำแพงภาษีอย่างเดียว และเราต้องให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 68)