
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น [SSP] เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ตั้งแต่ปี 2565 – 2568 สะท้อนว่า SSP มีกระแสเงินสดที่มั่นคง จากโครงการส่วนใหญ่เป็นรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ที่ขายไฟให้แก่ภาครัฐ จึงมีความเสี่ยงต่ำ และจากการกระจายความเสี่ยงที่ดีของพอร์ต ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล และจากพลังงานขยะชุมชน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งสร้างความสม่ำเสมอของรายได้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานที่ดี สามารถบรรลุเป้าหมายเหนือ P50 โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าครึ่งปีแรก 2568 เติบโตเพิ่มขึ้น 3.2% แตะ 3 แสนเมกะวัตต์-ชั่วโมง นอกจากนั้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Repowering) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SPN ในประเทศไทย จะทำให้โครงการดังกล่าว มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการ LEO2 ในประเทศญี่ปุ่นสิ้นปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ในปี 2569
ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตสู่ 6 พันล้านบาท และมี EBITDA ที่ 4.5 พันล้านบาท ในปี 2571 จากการ COD โครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปี 2568 เริ่มจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO2 ในประเทศญี่ปุ่น ตามด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 2 โครงการในประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังงานลม BAGO ในประเทศฟิลิปปินส์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยอีก 3 โครงการ ด้านสภาพคล่องทางการเงิน บริษัทฯ มีเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 2 จำนวน 2.9 พันล้านบาท รวมถึงมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งจาก EPC Financing และการทำ Asset Recycling โครงการยามากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ บริษัทฯ สามารถขยายการลงทุนได้ต่อเนื่องโดยไม่กระทบกับอัตราส่วนหนี้สิน

“การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ BBB+ นั้นแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าในพอร์ตขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 340 เมกะวัตต์ รวมถึงความมั่นคงของรายได้จากการที่โครงการส่วนใหญ่เป็นรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ที่มีภาครัฐเป็นผู้ซื้อ ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนที่ดี นอกจากนี้ เรายังเพิ่มขีดความสามารถและโอกาสในการลงทุนด้วยการเข้าลงทุนในประเทศอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนั้นจะสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น และจะส่งผลให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต 2 เท่า ใน 3 ปีโดยขยายกำลังการผลิตไปสู่ 690 เมกะวัตต์ หนุนรายได้แตะ 6 พันล้านบาท ” นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)