TURBO ปิดเทรดวันแรก 1.89 บาท ยืนเหนือจอง 26%

TURBO ปิดเทรดวันแรก 1.89 บาท สูงขึ้น 0.39 บาท หรือ สูงขึ้น 26.00% จากราคา IPO ที่ 1.50 บาท โดยมีมูลค่าซื้อขาย 3,424.83 ล้านบาท จากราคาเปิด 2.30 บาท ขึ้นสูงสุด 2.46 บาท และต่ำสุด 1.86 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.เงินเทอร์โบ (TURBO) เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่เชี่ยวชาญในสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและมีวงเงินขนาดเล็ก เราประเมินว่าภายในสิ้นปี 2025F พอร์ตสินเชื่อรวมของ TURBO จะอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท โดยมีจำนวนสาขาทั้งหมด 995 สาขาทั่วประเทศ โดยการประเมินมูลค่าที่กรณีฐาน 1.94 บาทสำหรับปี 2569 (ในกรณีที่ดีสุด 2.10 บาท)

คุณภาพสินทรัพย์ของ TURBO แข็งแกร่งขึ้นตามแผน โดยมีวงเงินกู้เฉลี่ยที่เล็กลงซึ่งทำให้การชำระเงินรายเดือนอยู่ในขอบเขตที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ง่ายขึ้น ด้วยการรับความเสี่ยงที่ต่ำลงในหมู่ธนาคาร ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับต่ำสำหรับกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าถึงบริการทางการเงิน (สินเชื่อในอุตสาหกรรมปัจจุบันอยู่ที่ 3.82 แสนล้านบาทในไตรมาส 2/68 เทียบกับขนาดที่ประเมินไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท) เมื่ออัตราการปฏิเสธบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าการเติบโตของสินเชื่อทะเบียนรถในระดับตัวเลขหลักสิบต่ำถึงกลางต่อปีสามารถทำได้ในช่วงสองปีข้างหน้า

ในปี 2568 เราประเมินว่ากำไรก่อนการตั้งสำรองของ TURBO จะเพิ่มขึ้น 19.6% YoY เป็น 1.08 พันล้านบาท โดยการคาดการณ์ credit cost ที่ต่ำลงเป็น 4.95% ในปี 2568 (เทียบกับ 6.83% ในปี 2567) คาดว่าจะนำไปสู่การเติบโตกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 249.4% YoY เป็น 495 ล้านบาท เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวในไตรมาส 4/68 และรักษาโมเมนตัมเข้าสู่ปี 2569 และ 2027F การคาดการณ์การเติบโตของกำไรของเราขึ้นอยู่กับ 1. การคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อ 12.0%/12.0% สำหรับปี 2026F/2027F 2. credit cost อยู่ที่ 4.50%/4.50% สำหรับปี 2026F/2027F และ 3. การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 9.6%/10.7% ในปี 2569/2570 โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากธุรกิจประกันภัยของบริษัท

บริษัทออกหุ้นใหม่จำนวน 447.8 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 0.5 บาท) แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และหุ้นใหม่จำนวน 50 ล้านหุ้นที่จัดสรรสำหรับ ESOP Warrant ทำให้จำนวนหุ้นทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,720 ล้านหุ้น และมีหุ้นเดิม 89.2 ล้านหุ้นที่เสนอขายโดยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ TURBO คือ K Vision ทำให้จำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดอยู่ที่ 537 ล้านหุ้น โดยอ้างอิงการประเมินมูลค่าด้วยวิธี GGM โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมสำหรับปี 2026F ที่ 1.94 บาท/หุ้นซึ่งคิดเป็น PER ที่ 9.1 เท่าอิง EPS สำหรับปี 2026F และในกรณีที่ดีที่สุดจะมีมูลค่าที่เหมาะสม 2.10 บาท/หุ้นคิดเป็น PER ที่ 9.9 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)