
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปัจจุบันยอมรับว่ายังมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทยังคงเดินหน้าปรับแผนธุรกิจ โดยเฉพาะการลดต้นทุนบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อให้การดำเนินงานสร้างผลกำไรต่อไปได้ ขณะที่ทิศทางในอนาคตหลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารคงจะมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคออกมา เชื่อว่าต.ค.เป็นต้นไปสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น
แผนดำเนินงานของกลุ่มไทยเบฟในงวดปี 68/69 (ต.ค. 68-ก.ย. 69) คาดจะใช้งบลงทุน (CAPEX) ราว 9 พันล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจสุรา 2 พันล้านบาท ธุรกิจเบียร์ 2 พันล้านบาท ธุรกิจที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ 4 พันล้านบาท และอาหาร 1 พันล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.68 ไทยเบฟมีรายได้จากการขายรวม 2.58 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้การบริโภคจะชะลอตัวลง และถึงแม้จะมีการลงทุนในตราสินค้าและการตลาดที่เพิ่มขึ้นตามแผนงานที่วางไว้เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ตราสินค้าต่าง ๆ แต่กลุ่มมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) ลดลงเพียง 4% จากปีก่อน เป็น 4.5 หมื่นล้านบาท
นายฐาปน กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคยังคงเผชิญความท้าทายจากการเติบโตที่ชะลอตัว ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ไทยเบฟยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งขับเคลื่อนกลยุทธ์ภายใต้ PASSION 2030 อย่างต่อเนื่อง
แผนงานภายใต้ PASSION 2030 มุ่งเน้นกลยุทธ์หลัก ได้แก่ “Reach Competitively” หรือ การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการให้บริการที่เป็นเลิศไร้รอยต่อในระดับต้นทุนที่แข่งขันได้ และ ‘Digital for Growth’ หรือ ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสมรรถภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงเครือข่ายคู่ค้าและผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การดำเนินงานเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างรากฐานของไทยเบฟให้แข็งแกร่ง สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ พร้อมทั้งเสริมแกร่งสถานะผู้นำตลาด และเสริมสร้างตราสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้ต่อไปในระยะยาว และเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ก้าวถัดไป ไทยเบฟมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดในประเทศ พร้อมขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศ และพัฒนาศักยภาพจากการผนึกกำลังระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆ นอกจากนี้กลุ่มยังแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน รวมถึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและการกระจายสินค้า ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร
“ด้วยความมุ่งมั่นในการเข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมศักยภาพบุคลากร และเสริมแกร่งตราสินค้าของเรา ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างไทยเบฟให้มีความคล่องตัว แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่มั่นคงและยั่งยืนของอาเซียนในธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร” นายนายฐาปน กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 68)