Tether เดินหน้าเก็บ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นำผลกำไรมาซื้อ Bitcoin เพิ่มเข้าคลัง เดินหน้าลุย “Hard Asset Strategy” เต็มตัว
Stablecoin เจ้าใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Tether ล่าสุดได้ทำการโอน Bitcoin จำนวน 8,888 BTC มูลค่ากว่า 570 ล้านดอลลาร์ เข้าไปเก็บในคลังของบริษัทเป็นที่เรียบร้อย
การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เล่น ๆ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ Tether เรียกว่า Hard Asset Strategy หรือการเปลี่ยนกำไรที่ได้จากธุรกิจ Stablecoin มาเก็บในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าจริง ไม่ว่าจะเป็นทองคำ พันธบัตรรัฐบาล หรือแม้แต่ Bitcoin เอง
แถมก่อนหน้านี้ Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ก็เคยออกมาประกาศต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากในงาน Bitcoin Conference 2025 ว่า ตอนนี้บริษัทถือครอง Bitcoin มากกว่า 100,000 BTC โดยมีการลงทุนผ่านบริษัทบริหารจัดการคลัง Bitcoin อย่าง XXI ด้วย และรวมทองคำมากกว่า 50 ตัน
นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า Tether ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ออก USDT เท่านั้น แต่กำลังขยับตัวไปสู่การเป็น “สถาบันการเงินที่ถือ hard asset” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั่วโลกนั่นเอง
ประเทศคาซัคสถานประกาศเปิดตัว “Alem Crypto Fund” คลังสำรองคริปโทฯ แห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนสำรองคริปโทระยะยาว หรือกองทุนคริปโทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยตรง ความน่าสนใจคือ สินทรัพย์หลักตัวแรกที่ถูกเลือกมาอยู่ในกองทุนนี้ คือ BNB!!
ทางรัฐบาลคาซัคสถาน ได้ร่วมมือกับ Binance และกองทุนนี้จะถูกบริหารจัดการโดย Qazaqstan Venture Group ภายใต้ศูนย์การเงินนานาชาติอัสตานา (AIFC) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ “การลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลและสร้างคลังสำรองระดับชาติ”
ถ้ากองทุนนี้เดินหน้าเต็มที่ นี่อาจกลายเป็นอีกกรณีศึกษาของ “ประเทศที่ผลักดันคริปโทในระดับนโยบายรัฐ” ไม่ต่างจากเอลซัลวาดอร์กับ Bitcoin เลย
ปิดท้ายด้วยข่าวจากฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ยังคงฮอตไม่หยุด นั่นคือกระแส Crypto ETF!!
ก่อนหน้านี้เราจะคุ้นกันแค่ Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ที่เริ่มมาแรง แต่ตอนนี้เริ่มมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า Litecoin, Solana และ XRP อาจจะเป็นกลุ่มเหรียญถัดไปที่ถูกยื่นขอทำ ETF
ทางด้าน Eric Balchunas นักวิเคราะห์ ETF อาวุโสของ Bloomberg ก็มีการพูดถึงการได้รับอนุมัติ ของ 3 เหรียญดังกล่าวเหมือนกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Litecoin ETF มีเดดไลน์ วันที่ 2 ต.ค.
Solana ETF เดดไลน์ 10 ต.ค.
XRP ETF เดดไลน์ 17 ต.ค.
ทำไมเรื่องนี้ถึงน่าจับตา? เพราะ ETF เป็นประตูใหญ่ที่จะพาเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาในตลาดคริปโทฯ ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปเปิดวอลเล็ต ไม่ต้องโอนเหรียญเอง แค่ซื้อกองทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็จบ
ถ้า ETF ของ Altcoin เหล่านี้เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ เพราะมันหมายถึงการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแล และยังเพิ่มความหลากหลายให้กับนักลงทุนที่อยากได้มากกว่า Bitcoin หรือ Ethereum เท่านั้น ต้องมาติดตามกันว่า Altcoin จะมีใครได้ไฟเขียวบ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)
