หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์อัพ จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย-มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์หรือไซด์เวย์อัพ รอติดตามรายงานเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของไทย และการแถลงข่าวมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทยของตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต.-FETCO ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ พร้อมให้แนวต้าน 1,300-1,310 จุด แนวรับ 1,280-1,290 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

วันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ หรือไซด์เวย์อัพ โดยที่วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินทิศทางการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายของไทย และติดตามการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสภาธุรกิจตลาดทุนยทย (FETCO) จะมีการแถลงข่าวชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยออกมา ซึ่งอาจจะสร้าง Sentiment บวกให้กับตลาดหุ้นไทยได้

ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อตลาดหุ้นมากนักในช่วงนี้ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถมีรายงานออกมาได้ เพราะอยู่ในช่วง Goverment Shutdown ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,300-1,310 จุด แนวรับ 1,280-1,290 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,758.28 จุด เพิ่มขึ้น 238.56 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,715.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,780.51 จุด ลดลง 63.54 จุด หรือ -0.28%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดที่ระดับ 46,636.07 จุด เพิ่มขึ้น 866.57 จุ หรือ 1.90% และหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 1,914.38 จุด หรือ 4.18% แตะระดับ 47,683.88 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 27,003.92 จุด ลดลง 137 จุด หรือ 0.50%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ต.ค.) 1,288.29 จุด เพิ่มขึ้น 13.26 จุด (+1.04%) มูลค่าซื้อขาย 35,286.71 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (3 ต.ค.) 621.10 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (3 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.08% แตะที่ 61.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ต.ค.) อยู่ที่ 0.26 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.38 ตลาดขาดปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.55

– กระทรวงการคลัง ประเมินผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ด้วยการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจราว 66,000 ล้านบาท ผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ คาดว่าจะส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชนอีก 0.87% และจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นราว 0.3% ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีทั้งปีขยายตัวได้มากกว่า 2% อย่างแน่นอน

– ไทย-สหรัฐฯ เจรจาเทคนิคเสร็จแล้วเหลือกฎถิ่นกำเนิดสินค้า-นำเข้าเนื้อหมูยังไม่จบ ตั้งเป้าสรุปในสิ้นปี 68 ก่อนลงนามความตกลง ส่วนกรณีที่ “ทรัมป์” ลงนามยกเว้นสินค้าไม่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ 4 กลุ่มสินค้าไทย ทั้งยางพาราและผลิตภัณฑ์ได้ประโยชน์และสินค้าเกษตรหลายรายการ อาจไม่ต้องเสียภาษีด้วย

– ‘พิพัฒน์’ กางแพ็คเกจลดค่าครองชีพ รถไฟฟ้า-รถเมล์-ทางด่วน คาดได้ข้อสรุปก่อน 4 เดือน อัด 24 บิ๊กโปรเจ็กต์ค้างท่อ ดันเม็ดเงินสะพัด 2.14 ล้านล้าน เลื่อนปิดจ็อบถนนพระราม 2 ยาวถึงสงกรานต์ 69 ขณะไฮสปีด 3 สนามบิน สั่งปิดทางแก้สัญญาหวั่นรัฐถูกฟ้อง

– ลุ้นระทึก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หลังรัฐบาลหนูขอทบทวนข้อแก้ไขสัญญา ร่วมทุน ร.ฟ.ท.-เอเซียเอราวัน 5 ประการ “ค้าน” สร้างไปจ่ายไป รัฐจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ทั้งๆ ที่กระบวนการแก้ไขสัญญาผ่านบอร์ด EEC จนถึงขั้น อัยการสูงสุด ตรวจร่างแก้ไขใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่วายถูกชักกลับ พร้อมฉาย 3 ฉากทัศน์ของโครงการในอนาคต

– ผู้จัดการตลท. ปลื้มนโยบายรัฐบาลใหม่ ดันตลาดทุนฟื้นชัด หวังเห็นระยะยาว หนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ-ดึงเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าเพิ่ม หวังเห็นการสนับสนุนเชิงปรับปรุงกฎหมาย แย้มอยู่ระหว่างร่วมวางแผนเดินสายโรดโชว์ หนุนสถาบันใหญ่ จากนอกสนใจ จับตาผนึก คลัง – ก.ล.ต. – FETCO แถลงชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย วันนี้ช่วยเสริมสมดุลนักลงทุนรายใหญ่-รายย่อย-ต่างชาติ

หุ้นเด่นวันนี้

– MAGURO (ดาโอ) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาท/หุ้น มองบวกต่อระบบ CRM ใหม่ เรามีมุมมองเป็นบวกต่อระบบ CRM ใหม่ MAGURO มี Brand Awareness และ Brand Loyalty สูงเราคาดจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าของ MAGURO และคาดช่วยหนุนรายได้ของ MAGURO เติบโตในระยะยาว และคาดรายได้ทำ All Time High ต่อเนื่องจากการขยายสาขา 15 สาขา เปิดแบรนด์ใหม่ และ SSSG ขยายตัว และ GPM ทรงตัวระดับสูง YoY

– CK (ลิเบอเรเตอร์) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท ในช่วงที่ผ่านมาตลาดตอบรับปัจจัยกดดันจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ บริเวณหน้าวชิรพยาบาลที่ทรุดตัวไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ยังคงต้องติดตามรอสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะการก่อสร้างหรือมาจากปัจจัยอื่น เช่น ท่อประปาแตก และ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง และผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดี มองเป็นจังหวะทยอยสะสม

– PTTEP (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 134 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14-20% ภายใน 3-12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้ง IEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025-2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)