
ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (SoftBank Group) ประกาศข้อตกลงซื้อธุรกิจหุ่นยนต์ของ ABB กลุ่มบริษัทวิศวกรรมสัญชาติสวิส วันนี้ (8 ต.ค.) ด้วยมูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของมาซาโยชิ ซัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของซอฟต์แบงก์ ในการรุกเข้าสู่ธุรกิจหุ่นยนต์อย่างเต็มตัว หลังจากที่ชะลอการลงทุนมาระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ซอฟต์แบงก์เคยพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชื่อ “เปปเปอร์” (Pepper) และยังลงทุนในบริษัทหุ่นยนต์อื่น ๆ ด้วย เช่น เบิร์กเชียร์เกรย์ (Berkshire Grey) และออโต้สโตร์ (AutoStore)
การขายกิจการครั้งนี้หมายความว่า ABB ได้ล้มเลิกแผนเดิมที่จะแยกธุรกิจระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่และนำเข้าตลาดหุ้น ธุรกิจส่วนนี้ของ ABB เป็นคู่แข่งกับบริษัทผลิตหุ่นยนต์สำหรับโรงงานอย่างฟานัค (Fanuc) และยาสกาว่า (Yaskawa) ของญี่ปุ่น รวมถึงคูก้า (Kuka) ของเยอรมนี
นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งแรกของ มอร์เทน เวียรอด ซีอีโอคนใหม่ของ ABB ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากธุรกิจหุ่นยนต์ของบริษัทต้องเผชิญกับยอดขายและกำไรที่ลดลงต่อเนื่องมาหลายปี
เวียรอดกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ABB และซอฟต์แบงก์เห็นตรงกันว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของหุ่นยนต์ที่ใช้ AI เป็นพื้นฐาน เราเชื่อว่าการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจหุ่นยนต์ของเรากับซอฟต์แบงก์จะช่วยกันกำหนดทิศทางของยุคใหม่นี้ได้ดีที่สุด”
เวียรอดกล่าวเสริมว่า “ธุรกิจหุ่นยนต์ของ ABB จะได้ประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีชั้นนำและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของเรา มารวมกับความสามารถด้าน AI วิทยาการหุ่นยนต์ และคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ที่ล้ำสมัยของซอฟต์แบงก์”
หลังประกาศข่าวการขายกิจการ ราคาหุ้น ABB ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดที่ตลาดซูริกก็ปรับตัวสูงขึ้น 3%
ส่วนหุ้นซอฟต์แบงก์ขยับขึ้นประมาณ 1% ในช่วงบ่าย แต่ก็ยังต่ำกว่าราคาปิดของวันอังคาร (7 ต.ค.) อยู่ 1.57% อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หุ้นซอฟต์แบงก์ได้รับความนิยมอย่างสูงจากกระแสความสนใจในบริษัทที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 3 เท่า และทำสถิติสูงสุดระหว่างวันที่ 21,695 เยนเมื่อวันอังคาร
ABB ระบุว่าขั้นตอนการซื้อขายคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางถึงปลายปี 2569 และบริษัทจะได้รับเงินสดจากการขายครั้งนี้ประมาณ 5.3 พันล้านดอลลาร์
บริษัทจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ตามแผนจัดสรรเงินทุนระยะยาว โดยจะนำไปลงทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจ เข้าซื้อกิจการอื่น ๆ และคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน
อนึ่ง ธุรกิจหุ่นยนต์นี้มีพนักงาน 7,000 คน และปีที่แล้วสร้างยอดขายได้ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 7% ของรายได้รวมทั้งหมดของ ABB แต่ทาง ABB มองว่าธุรกิจส่วนนี้ไม่ค่อยเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจส่วนที่เหลือของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นด้านไฟฟ้าและระบบอัตโนมัติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)