
เมื่อเวลา 15.47 น. SCC ร่วง 2.24% ลดลง 5.00 บาท มาที่ 218.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 854.95 ล้านบาท จากราคาเปิด 224.00 บาท ราคาสูงสุด 225.00 บาท และราคาต่ำสุด 215.00 บาท
บล.ฟินันเซียไซรัส คาด บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย [SCC] ไตรมาส 3/68 พลิกกลับมาขาดทุนสุทธิประมาณ 500-600 ล้านบาท จากธุรกิจส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ low season และมี startup cost จากการเดินเครื่องโรงงาน LSP ในเวียดนาม ประกอบกับเงินปันผลรับลดลง q-q พอสมควร เพราะฤดูกาลที่ได้รับเงินปันผลจะอยู่ใน ไตรมาส 2 และไตรมาส 4
ราคาเป้าหมายปีนี้ยังคงไว้ที่ 220 บาท คาดหวังการทยอยฟื้นตัวในปีหน้าจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง การปิดโรงงานเคมีในภูมิภาคต่างๆที่ยังมีต่อเนื่อง (oversupply ลดลง) อย่างไรก็ตาม EBITDA ปีนี้น่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน และฐานะทางการเงินยังมั่นคง
ขณะที่บล.กรุงศรี ระบุว่า ไตรมาส3/68 SCC มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่เคยประเมิน พลิกเป็นขาดทุน แย่ลง YoY และ QoQ จากธุรกิจปิโตรเคมีความต้องการใช้เม็ดพลาสติกชะลอ (คลัง PE จีนต่ำกว่ากรอบล่างค่าเฉลี่ย 5 ปี) ส่งให้การแข่งขันสูงปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนได้ยาก ฉุดทั้งกำไรของโรงผลิตในไทย และในเวียดนามที่การกลับมาเปิดโรง LSP ราว 3 เดือน (เปิด ส.ค.) บริษัทต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากขึ้น (ส่วนที่ผลิตแล้วยังไม่ขายเนื่องจากราคาตลาดต่ำ จะมีรับรู้ NRV loss)
อย่างไรก็ตามโรงผลิตในประเทศไทยยังสร้างกระแสเงินสดได้จากความได้เปรียบของสินค้า High value added และ run สูงระดับ 90% ต่อเนื่อง ด้านธุรกิจซีเมนต์ลดลง QoQ จากผลของ low season แต่ไม่ได้เหนือกว่าคาด
คาดไตรมาส 4/68 จะกลับมาฟื้นตัว QoQ จากทั้งธุรกิจปิโตรเคมีที่มีการ optimize โรง LSP รวมถึง product spread ฟื้นตัวจากเข้าสู่ช่วง re-stock, ธุรกิจซีเมนต์ออกจาก low season และมีเงินปันผลมาหนุน
เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการ ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันจากแนวโน้มที่อ่อนแอในไตรมาส 3/68 แต่การสร้างกระแสเงินสดของ SCC ยังทำได้ต่อเนื่อง และ CAPEX มีแนวโน้มน้อยกว่าคาด ซึ่งเรามองเพียงพอชดเชยค่าใช้จ่าย LSP ที่ต้องแบกในระยะสั้นได้ คงมุมมองเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่รอดในสภาวะ oversupply ถึงช่วง cycle ฟื้นตัวได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)